-----------------
----------------------
ฟ้าฝนคงเป็นใจ หลายวันที่ผ่านมา มัวแต่รอเกลาใจละไมเพื่อจะได้เขียนอะไรเกี่ยวกับฝนให้ชื่นใจหน่อย แต่ยังไม่ได้ลงมือสักที ช่วงนี้ฝนเลยตกมาเตือนบ่อยๆ หรือว่าฝนจะเริ่มเบื่อ รอใจคนไม่ไหว :) วันนี้หลังจากส่งต้นฉบับหนังสือชุด Paradise Lost ผลงานใหม่ล่าสุดของ จิมมี่ เลี่ยว ไปทางอีเมล์ให้สำนักพิมพ์เสร็จเรียบร้อยทั้ง 5 เล่ม ปรากฏว่าฝนก็เทลงมาโครมครามเหมือนฟ้ารั่ว เอ หรือจะประชดใคร
-----------------
เวลาฝนตก วันหยุดกลางเมืองนี่น่าอยู่เหมือนกันนะ ปกติเสาร์อาทิตย์ หลังระเห็จออกจากห้างบ้าง โรงหนังบ้าง ฉันก็มักจะไปสืบเสาะหาของกินอร่อยๆ อยู่แถวเลียบทางด่วนอาจณรงค์-รามอินทรา ซึ่งเป็นละแวกบ้าน แต่เสาร์อาทิตย์หลังๆ มานี้ คล้ายจะใช้ชีวิตแบบพวก urban บ้าบอชอบกล คือวนเวียนอยู่แถวสยาม เอ็มโพเรียม สุขุมวิท ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้เออบ้งเออเบิ้นอะไรกะเขาเลย ก็แค่ไปหาของกิน กับซื้อหนังสือหนังหา ไม่ก็เครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์การทำงาน ยังไงเราไม่ใช่คนเมืองโดยสืบสันดาน เพราะอันที่จริงเราก็คือชนเผ่าเร่ร่อนอีกประเภทหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตไปตามเส้นทางรถไฟฟ้าเท่านั้นเอง :)
-----------------
ขออวดงานหน่อยละกันนะคะ เพราะทำแล้วอิ่มอกอิ่มใจมาก หนังสือทั้งห้าเล่ม ที่เพิ่งทำต้นฉบับเรียบร้อยไปแล้วนั้น เป็นเรื่องชุด Paradise Lost ทั้ง 5 เล่ม แต่ละเล่ม มีชื่อเล่มของมันเอง คอนเฟิร์มเฉพาะชื่อภาษาอังกฤษนะคะ เพราะชื่อภาษาไทยนั้น ต้องเป็นทางสำนักพิมพ์พิจารณาอีกที แต่ชื่อที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ เป็นชื่อที่ฉันคิดขึ้นมาแล้วชอบ ก็เลยเสนอไป ยังไม่แน่ใจว่าจะเข้ารอบกับเขาหรือไม่ เพราะคุณชุตินันท์ เอกอุกฤษฎ์กูล คนแปลมาจากภาษาจีน และทีมสำนักพิมพ์กำลังทำงานตรงนี้กันอยู่ค่ะ
Paradise Lost 1:
Enter Loneliness
สวนสวรรค์ที่สาปสูญ
ปกเล่มนี้ เป็นรูปช้างสีชมพูกับแอ๊ปเปิ้ลสีทอง เพราะเป็นตัวละครเปิดเรื่องเข้าสู่สถานที่มหัศจรรย์ ช้างสีชมพูเป็นเพื่อนกับเด็กแว่น ทั้งสองตาบอด มองไม่เห็น แต่ชอบไปยืนรอพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมหน้าต่าง ชอบนั่งบนโขดหินริมทะเล เพื่อเฝ้ามองพระจันทร์ ทอแสงสว่างไสวขึ้นมาจากผิวน้ำ ทั้งยังชอบทอดกายนอนหงายบนสนามหญ้าโรงเรียน เพื่อรอคอยดวงดาวเปล่งประกายเต็มฟ้า เด็กแว่นเป็นเจ้าของแว่นตาสายรุ้งแสนสวย เสียดายที่เธอมองไม่เห็น ช้างสีชมพูก็มีแว่นสายรุ้งเช่นกัน เสียดายที่มันก็มองไม่เห็น ทั้งสองมิอาจแลเห็นแว่นตาแสนสวยของกันและกัน แต่ตระหนักดีว่า จิตใจของทั้งสองนั้น ต่างงดงามประหนึ่งสายรุ้ง
-------------------------------------------------------------------
Paradise Lost 2 :
Snow Falling in Childhood
ละอองหิมะแห่งวันวาร
-----------------------------------------------------------
A Mysterious Flower Blooms
ดอกไม้ผลิบานลึกลับ
--------------
กับดอกไม้ลึกลับผลิบาน อาจจะใช้การได้ทั้งสองอย่าง เพราะเป็นดอกไม้จินตนาการของคนเขียนที่มีครีเอทีฟไอเดียสุดยอด ภาพปกเล่มนี้ ผู้เขียนเลือกตัวละคร“แอนนี่”เป็นตัวเอก ปกสวยจริงๆโดยเฉพาะลวดลายบนต้นไม้ใบไม้ใช้สีเงินสีทองสะท้อนแสงบนพื้นปกสีดำ ลึกลับแบบสไตล์กอธิคนิดๆวิจิตรตระการตาแบบภารตะหน่อยๆ แปลกตากว่าทุกเล่ม “แอนนี่” เป็นเด็กฉลาดแก่แดดที่สุดในเรื่องราวชุดนี้ แอนนี่รู้จักโลกของผู้ใหญ่เร็วเกินไป เกิดแก่เจ็บตาย เธอเข้าใจทั้งหมด โลกแห่งความจริงของแอนนี่ หมายถึงช่วงเวลาที่เธอได้แสดงละครเท่านั้น
----------------
Paradise Lost 4:
The Magic Is Gone
มนตราที่หายไป
เมื่อเวทย์มนต์เสื่อม
-------------------------------------
----------------------------------------
นับเป็นปรากฏการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิตฉันเช่นกัน ที่จะมีผลงานหนังสือออกมาพร้อมกันถึงหกเล่ม ในงานสัปดาห์หนังสือกลางตุลาคมที่จะถึงนี้โฮะ โฮะ แค่ออกกะเขาครั้งละเล่ม ก็ตื่นเต้นจะแย่ นี่ตั้งหกเล่ม แถมแต่ละเล่ม เป็นหนังสือสวยชนิดหยาดฟ้ามาดิน สวยขนาดว่า นั่งทำงานไป พลิกดูหนังสือไป บางทีเริ่มหิวๆ ขึ้นมา ยังนึกจะลองกัดกินต่างข้าวเลยด้วยซ้ำ
------------------------
อยากให้เห็นค่ะ เพราะคุณเลี่ยวเขาทำงานละเอียดพิถีพิถันจริงๆเคยคุยกับคนวาดการ์ตูน คนทำภาพประกอบในบ้านเรา ที่เคยอ่าน “ดวงตะวันส่องฉาย” หรือ “ผู้ชายที่หลงรักดวงจันทร์” ทุกคนยังออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณเลี่ยวเป็นคนทำงานละเอียดมาก ประณีต ลงลายละเอียดแทบทุกภาพ ทุกเฟรม มีน้องคนหนึงถามว่า “เขาเป็นตุ๊ดหรือเปล่าพี่” ประมาณว่าทำงานละเอียดเกินมนุษย์ผู้ชายพิมพ์นิยมงั้นเถอะ
----------------------------------
นอกจากงานภาพจะพิถีพิถันมากแล้ว เนื้อหา เรื่องราว ในแต่ละเล่ม ก็เต็มไปด้วย creative idea แพรวพราวพรั่งพร้อมไปหมด จินตนาการ สาระ ปรัชญา สัจจะ หรือแก่นแท้ความเป็นมนุษย์ ตกผลึกเป็นอันหนึ่งอันเดียว สื่อผ่านความเรียบง่าย บางที สองสามบรรทัด นิดเดียว แต่อ่านแล้วอาจตายคาหนังสือได้เลยค่ะ ยืนยัน
--------------------
หากถามว่า เสน่ห์ของหนังสือชุดนี้อยู่ตรงไหน ฉันคงตอบได้ว่ามันอยู่ในรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่าง และที่สำคัญที่สุด ก็น่าจะเป็นรายละเอียดในใจเราเอง คนเล่าเรื่องเขียนภาพเล่นกับการแสวงหา ความทะยานอยาก ความจริง ความฝัน อย่างชนิดที่ไม่มีสิ่งใดมาจำกัดขอบเขตจินตนาการของเขาได้ น่าแปลกมากคือ ยิ่งเรื่องราวในหนังสือจินตนาการออกไปหลุดโลกเท่าใด มันกลับยิ่งเข้าใกล้กับเรื่องราวในใจ และชีวิตที่แท้จริงของคนเรามากเท่านั้น บทสรุปทั้งหลาย คงจะเป็นเหมือนข้อความจากหนังสือเล่มสุดท้าย ของ Paradise Lost ที่บอกเราอย่างซื่อตรงและเรียบง่ายว่า
ตามหาหรือถูกลืม
แต่ในการแสวงหา
แม้สุดท้ายจะไม่มีใครได้อะไรกลับไป
แต่ช่วงเวลาที่หัวใจสั่นไหวเพราะความรู้สึกนั้น
จะเปล่งแสงเป็นประกายวิบวับอยู่ตลอดกาล
All Rights Reserved.
2006 Copyright©'prypansang