หงุดหงิด ไม่สบายใจอะไรมาจากไหนก็ตาม หากได้หลับเต็มตาสักตื่น ชีวิตจะดีขึ้นมาก
ดังนั้นเอง ตอนที่โทรศัพท์กรีดเสียงปลุก ฉันจึงโกรธ และโกรธมาก ไม่โกรธได้อย่างไร ในเมื่อปลายสายส่งเสียงมาว่า “ฮัลโหล นกเป็นอย่างไรบ้าง”
นกเป็นอย่างไรบ้าง
นกเป็นอย่างไรบ้าง
นกเป็นอย่างไรบ้าง
โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบของนกในรังหน้าบ้านเนี่ยนะ!
แต่ฉันนั้น ไม่เคยมีความอดทนมากพอ ในการพูดคุยตอแหลงี่เง่าน่าเบื่อ ฉันทำวงแตกมาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งไม่ได้ภูมิใจสักนิด
ฉันก็เป็นมนุษย์มนาสามัญชน เป็นคนที่อยากได้ความนิยมชมชื่นจากผู้คนทั่วไปนั่นแหละ แต่ทุกครั้งที่นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าเป็นที่นิยมชมชื่นในหมู่ผู้คนสุดแสนจะตอแหลงี่เง่าน่าเบื่อแล้วล่ะก็ ....ฉันขอตายดีกว่า
เมื่อเป็นเช่นนี้ คงไม่ต้องบอกว่าฉันเกลียดการตื่นกะทันหันเพื่อมารับโทรศัพท์เป็นอย่างมาก
น ก เ ป็ นอ ย่ า ง ไ ร บ้ า ง
น ก เ ป็ นอ ย่ า ง ไ ร บ้ า ง
น ก เ ป็ น อ ย่ า ง ไ ร บ้ า ง
นกน่ะหรือ ...มันอาจจะรู้ว่านอนเต็มอิ่มแล้วก็ได้นะ จึงถือโทรศัพท์ค้างไว้ แทนที่จะรีบวางลงไปอย่างที่เคยปฏิบัติเสมอมา บางที ฉันควรจะรู้จักอดทนกับอะไรๆ กับเขาบ้าง
บางที ...มันอาจจะไม่ไร้สาระก็ได้นะ โดยเฉพาะกับคนนิสัยแปลกๆ คนนี้
ความจริงแล้วด้วยเงื่อนไขปัจจัยหลายข้อ อย่างฉันก็ไม่สมควรจะ ‘หยิ่ง’ กับพวกหนุ่มๆ ให้มากนักยิ่งตอนนี้ ประชากรเพศหญิงมีมากกว่าเพศชายหลายเท่า ผู้ชายดีๆ ก็ยิ่งหายากเป็นเท่าตัว จะหยิ่งไปทำไมมี :)
อย่างรายนี้ ฉันเองก็รู้สึกดีๆ กับเขามากเหมือนกัน ฉันชอบเวลาที่เราคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่ไม่เกี่ยวกับตัวเรา ความฉลาดเฉลียวรอบรู้ของเขาทำให้รู้สึกว่าสติปัญญามันขยับขยายดี เสียแต่ว่า รายละเอียดการใช้ชีวิตประจำวันของเราไม่ค่อยสอดคล้องกันเท่านั้น
เป็นต้นว่า ฉันชอบทำงานเป็นชีวิตจิตใจ แต่เขาค่อยข้างเอ้อระเหยลอยชาย ทำงานประจำอยู่ดีๆ ก็ลาออกมาอยู่เฉยๆ เสียดื้อๆ ด้วยเหตุผลที่ยากแก่การเข้าใจ
หรือเป็นต้นว่า ฉันชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ จะหนังเก่าหนังใหม่ หนังงี่เง่าไร้สาระแค่ไหนดูได้หมด ในขณะที่เขาไม่สนใจเลยสักนิด
“ดูหนังเยอะๆ นี่ดีนะ มันทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น”
ฉันเคยพยายามโน้มน้าว
“เข้าใจว่าไง นี่ไม่ได้กวนนะ” เขามองมาตาใส
“ก็....เข้าใจรายละเอียดเรื่องความคิด หรืออารมณ์ความรู้สึกหลายๆ อย่าง เพราะหนังมันก็เหมือนสาธิตเรื่องชีวิตมาให้เราดูนั่นแหละ”
“ดูหนังเพื่อจะได้เข้าใจชีวิตมากขึ้นน่ะหรือ โห ต้องดูกี่เรื่องล่ะเนี่ย ถึงจะเข้าใจความจริงของชีวิตได้ทั้งหมด”
“ไม่ต้องเข้าใจทั้งหมดก็ได้นี่นา”
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมจึงไม่ต้องการเข้าใจความจริงของชีวิตทั้งหมด ผมไม่เข้าใจว่า ค่อยๆ ทำความเข้าใจความจริงของชีวิตด้วยการปะติดปะต่อเอาจากเรื่องราวในหนังเนี่ยนะ”
“คุณไม่เข้าใจ”
“ ผมอยากเข้าใจนะ จริงๆ นะ ไม่ได้กวน”
“ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณจึงไม่เข้าใจ”
“ผมเข้าใจ”
“เข้าใจอะไร”
“เข้าใจคุณไง”
“เข้าใจว่าไง”
“ก็… เข้าใจว่าคุณชอบดูหนัง”
“แต่ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณจึงไม่ชอบดูหนัง ในเมื่อคนทั้งโลกเขาก็ชอบดูหนังกันทั้งนั้น”
“ไม่เป็นไร”
“อะไร”
“ก็ …ถึงไม่เข้าใจ ว่าทำไมผมไม่ชอบดูหนัง ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ”
“เข้าใจอะไร”
...........
ด้วยอะไรประมาณนี้ ฉันจึงตั้งใจว่าจะไม่สานต่อความสัมพันธ์ของเราให้มากกว่านี้ เป็นเพื่อนกัน คุยกันไป เถียงกันไปเรื่อยๆ อย่างนี้ก็สนุกดี
ฉันควรเล่าเรื่องต้นโมกให้ฟังก่อน
หน้าบ้านฉันมีต้นโมกอยู่ต้นหนึ่ง ฉันปลูกในกระถางมา 2 ปี ตอนนี้ต้นสูงประๆ ระเบียงบ้านชั้นสอง ออกดอกหอมฟุ้งทั้งปี ปกติจะมีเก้าอี้ไม้ผุๆ วางใต้ต้นตัวหนึ่ง เอาไว้นั่งผูกเชือกรองเท้า
นกไม่ทราบชื่อนี้ตัวโตกว่านกกระจอกสักเท่าตัว แต่รังมันกลับเล็กกว่าตัวสักสองเท่า เห็นตัวกับเห็นรังมันครั้งแรกแล้วขำ เพราะมันทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าสำนวน “นกน้อยทำรังแต่พอตัว” เป็นมาอย่างไร
รังนกไม่ทราบชื่อนี้เล็กมาก บางวันนั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน มองออกมาก็จะเห็นนกอยู่ในรังโดยมีหัวโผล่ออกมานอกรังประมาณ 2 ใน 3 ส่วน เรามองสบตากันแป๋วแหวว ทำฉันยิ้มได้ทุกที
กิ่งโมกที่นกครอบครัวนี้เลือกทำรัง เป็นกิ่งที่โค้งลงมาต่ำที่สุด ต่ำขนาดว่าถ้าแขกตัวสูงเกิน 160 เซนติเมตรมาที่บ้าน จะต้องก้ม แล้วลอดกิ่งไม้นี้เข้าบ้านทุกคน
เพราะมันเป็นนกที่ไม่ค่อยรอบคอบหรืออย่างไร
เพื่อนพ้องญาติมิตรที่มาเยี่ยมเยือน มักสุมหัวนินทาเรื่องรังที่เล็กเกินเหตุของมันอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเราจึงได้รู้ว่า ขนาดรังมันเล็กกระจิ๋วหลิวขนาดนี้ มันไม่ได้อาศัยอยู่เพียงตัวเดียวอย่างที่เข้าใจแต่แรกด้วยนะ เพราะนอกจากตัวมันเองแล้ว ยังมีแม่นกและลูกตัวเล็กๆ อยู่ด้วยอีกตั้งสามชีวิต
เคยปีนดูรังมันครั้งหนึ่ง ได้เห็นตั้งแต่แรกว่าตอนนั้นมันกกไข่อยู่ 2 ใบ จนวันหนึ่งได้ยินเสียงจุ๊บจิ๊บในรัง เลยหาบันไดมาปีนดูอีกครั้ง จึงได้เห็นลูกนกตัวแดงๆ ในรังเป็นครั้งแรกในชีวิต ความรู้สึกในช่วงเวลานาทีนั้นยากจะบรรยาย นี่คือหนึ่งในความมหัศจรรย์ของชีวิตสินะ
ย้ำอีกครั้งว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงน่ารัก นอกจากนี้ฉันยังไม่ใช่นักเมตตาสัตว์ โดยเฉพาะยุงกับมดนี้เกลียดมากเป็นที่สุด เห็นเมื่อไหร่เป็นต้องตบ ต้องฆ่า เพิ่งมาช่วงหลังนี้เองที่รู้สึกว่าอยากทำบาปให้น้อยลงหน่อย จึงหัด ‘ปัด’ แทนการ ‘ฆ่า’ กับเขาบ้าง
ในชีวิตฉันจึงแทบไม่เคยเลี้ยงอะไรแม้แต่หมา จึงแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ลูกนกในรังทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบหวั่นไหวได้ หรือว่าลึกๆ แล้วฉันเองก็มีใจชอบนกอยู่บ้างเหมือนกัน
“ไม่เข้าใจ ไปดูนกกัน ดูทำไม” ฉันเคยถามเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง รายนี้เป็นนักนิยมธรรมชาติและแสวงหาความสำราญด้วยวิธีการเช่นนี้มานาน ช่วงหลังเห็นเขาฝึกวาดภาพด้วย ดูเป็นกิจกรรมที่รื่นรมย์ดีทีเดียว
“จริงๆ แล้วเราก็ดูทุกอย่างละพี่ เราตั้งใจไปดูนก แต่บางทีไปแล้วไม่เจอ เราก็ดูอย่างอื่น เวลาไปอย่างนั้นแล้ว มันต้องมีอะไรให้เราดูสักอย่างล่ะพี่ ไม่ต้องกลัว” เขาว่างั้น
ตอนนั้นฉันยังบอกเขาไปว่า ถ้าหาความสำราญจากการ ‘ดู’ ละก็ สงสัยฉันจะชอบ ‘ดูหนัง’ มากกว่า ‘ดูนก’ แน่ๆ เพราะอย่างน้อย ‘โปรแกรมหนัง’ ก็ช่วยฉันวางแผนการ ‘ดู’ ได้แน่นอนกว่า มั่นใจกว่า
แต่พี่คนหนึ่งเคยให้เหตุผลเรื่อง ‘ไม่ชอบดูนก’ ไว้น่าสนใจ เพราะพี่คนนี้บอกว่า “มึงคิดดู ถ้ามึงอยู่บ้านมึงดีๆ มึงกิน มึงนอน มึงเข้าห้องน้ำอยู่ในบ้านมึง แล้วจู่ๆ มีคนคอยเอากล้องมาส่องดูมึงตลอดเวลา มึงจะรู้สึกไง เวลาพวกมึงไปส่องกล้องดูนกตามป่าเขา กูว่านกมันคงรู้สึกเหมือนมึงนั่นแหละ”
การสร้างรังคงมีความหมายกับชีวิตนกมากพอสมควร รังเล็กๆ บนกิ่งโมกหน้าบ้าน จึงทำให้ฉันใส่ใจได้มากเป็นพิเศษ ตอนนี้ชักไม่ค่อยแปลกใจแล้วว่า ทำไมการดูนกจึงเป็นที่นิยมกันนัก
ฉันกับเพื่อนๆ เคยคุยกันเรื่องผู้ชายที่น่าสนใจ ตอนนั้น พวกเราเคยเห็นพ้องต้องกันตลกๆ ว่า ‘ผู้ชายที่น่าสนใจ’ สมัยนี้ สงสัยจะเป็นผู้ชายที่ซื้อบ้านก่อนซื้อรถ และถ้าซื้อรถราคาถูก แต่ลงทุนซื้อบ้านแพงๆ นั่นยิ่งน่าสนใจ เพราะผู้ชายหลายคนยุคนี้ มักชอบซื้อรถโก้ๆ ไว้ขับอวดหญิงกันทั้งนั้น
นั่นเป็นหลักการเบื้องต้นในการพิจารณา ‘ผู้ชายดีๆ’ ในความคิดของผู้หญิงอย่างฉันและผองเพื่อนในสมัยวัยละอ่อน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ฉันดูสารคดีชุด The Life of Birds ของ ท่านเซอร์เดวิด แอทเทนโบโรห์ แล้วตกใจมาก เมื่อพบเรื่องราวชีวิตของนกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘วีเออร์’
บนต้นไม้สูงในอาฟริกา ผู้คนจะได้เห็นนกวีเออร์ตัวผู้หัวสีแดงขะมักเขม้นสร้างรังอย่างตั้งใจ โดยมีนกวีเออร์ตัวเมียหัวสีเหลืองคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ
บ้านที่แข็งแรงปลอดภัย ยังเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจนกวีเออร์ตัวเมียได้เสมอ เซอร์เดวิด แอทเทนโบโรห์ นำเสนอบทบรรยายตอนนี้ได้หวานไพเราะมาก เขาบอกว่า “การสร้างบ้านของนกตัวผู้เปรียบประหนึ่งเป็นคำมั่นสัญญา แต่อาจเร็วเกินไปที่จะเอ่ยปาก”
นกวีเออร์ตัวผู้จะทุ่มเทชีวิตจิตใจในการสร้างรังอย่างสุดฝีมือ พวกมันจะเลือกเศษหญ้าสดใหม่ที่เหนียวและแข็งแรงที่สุดมาทำรัง
นกบางชนิด มีเหตุผลในการสร้างรังและเลือกคู่ของมันซับซ้อนสูงส่งกว่านั้น เซอร์เดวิด แอทเทนโบโรห์ พาผู้ชมสารคดีของเขาบุกไปยังป่าทึบบนเกาะทางเหนือของออสเตรเลีย ไปดูนกอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งตัวผู้จะสร้างรังใหญ่โตมาก ขนาดว่าคนสามาถเข้าไปนอนในรังมันได้สบาย
เมื่อสร้างรังเสร็จ นกตัวผู้เหล่านี้จะบินไปคาบสิ่งสวยๆ งามๆ จากภายนอกมาสะสมไว้ในรัง แยกประเภท แยกกองสวยงาม จนท่านเซอร์ออกปากว่า “นี่ไม่ใช่แค่รังนก นี่ไม่ใช่แค่บ้าน ไม่ใช่แค่โรงเลี้ยงเด็ก แต่นี่คือแกลเลอรี่”
เมื่อตัวเมียแวะเวียนมาเยี่ยมชมแกลเลอรี่เหล่านี้ มันก็คือพิธีกรรมการ ‘เลือกคู่’ นั่นเอง
ท่านเซอร์เองก็ยกย่องนกตัวเมียเหล่านี้มาก เขาบอกว่า “ในดินแดนแห่งความสงบสุข มีอาหารการกินสมบูรณ์ มีชีวิตที่เรียบง่าย พวกเธอจึงไม่ได้เลือกเขาเป็นคู่เพียงเพราะเขาสร้างรังเก่ง แต่เธอเลือกเขาเป็นคู่เพราะเขาเป็นศิลปิน”
แต่พวกเธอสยบยอมจำนนต่อ “ความงาม” ต่างหาก
ณ ยามนี้...รังนกบนต้นโมกหน้าบ้าน ทำให้ฉันนึกถึงพวกนกตัวเมียที่มีรสนิยมพิเลิศพิไลเหล่านั้นขึ้นมาจับใจ
“นกเป็นอย่างไรบ้าง” คนจากปลายสายโทรศัพท์ถามย้ำมา
“เหมือนฝนจะตกนะ” ฉันปรารภ “ไม่รู้นกมันจะอยู่กันยังไง รังมันเล็กจังเลย สงสัยถ้าฝนตกมา น้ำจากชายคาไหลลงมาแรงๆ อาจจะพัดรังร่วงมาได้เลยนะนั่น”
“ไม่หรอกมั้ง” ฝ่ายนั้นพูดมาเรื่อยๆ “กิ่งไม้มันยื่นเข้ามาในบ้านนี่นา เผลอๆ อาจจะไม่เปียกฝนเลยก็ได้ นกมันอาจจะฉลาดกว่าที่เราคิดนะ”
ฉันลากโทรศัพท์ออกไปยืนคุยใต้ต้นโมก พิจารณาที่ตั้งรัง-เออ จริงของเขาเหมือนกัน โมกกิ่งนี้ยื่นเข้ามาในตัวบ้านมากพอสมควร ที่สำคัญ ระเบียงชั้นสองยังยื่นออกไปกันฝนให้รังได้อีกมาก
“ถึงไม่เปียกฝน รังมันยังเล็กเกินไปอยู่ดีแหละ” ฉันว่า
“งั้นก็ซื้อบ้านนกมาให้มันอยู่สิ” เขาว่า
“เออนะ” ฉันหลับตานึกถึงบ้านนกหลังเล็กๆ ทำด้วยไม้ทาสีสวย ถ้าซื้อมาติดไว้ตรงเสาบ้านใกล้ต้นโมก คงเข้าท่าดี ที่สำคัญ มีนกจริงๆ มาอาศัยอยู่ด้วยสิ ...จะมีอะไรน่ารักไปกว่านี้อีกไหม
อย่างไรก็ตาม ตามวิสัยคิดมาก ฉันยังอดวิตกจริตไม่ได้ว่า “ซื้อบ้านนกมาให้แล้ว ไม่รู้ว่านกมันจะยอมเข้าไปอยู่หรือเปล่า ถ้ามันใช้ไม่เป็น ไม่รู้จัก แล้วเราจะทำไง”
“ไม่เห็นจะยากอะไร” คนปลายสายหัวเราะมาเบาๆ “ก็เอาหนังสือคู่มือใช้งานใส่ไว้ในบ้านให้มันสักเล่มก็สิ้นเรื่อง”
ฉันหัวเราะออกมาได้เป็นครั้งแรกสำหรับวันนี้
ฟ้าร้องอีกสองครืน ก่อนเม็ดฝนจะพรูสาย
ฉันคุยโทรศัพท์ในหัวข้อที่แสนจะงี่เง่าไร้สาระอย่างเพลิดเพลินเรื่อยเปื่อย คุยพลางแหงนดูรังนกพลางจนลืมเปียกไปเลย
ให้ตายเถอะ! รังนกไม่เปียกฝนจริงๆ ด้วย!
มนุษย์ผู้หนึ่งที่เคยมีโอกาสมาเห็นรังมันเพียงครั้งเดียว-รู้ได้ขนาดนี้เชียวหรือ
นกบางชนิดสยบยอมจำนนให้กับสิ่งที่เรียกว่า ‘ความงาม’ ใช่-มันน่าทึ่ง น่าประทับใจ แต่บางสิ่งที่ฉันกำลังคิดสยบยอมพร้อมจำนนในยามนี้ล่ะ
ฉันควรจะเรียกชื่อมันว่าอะไรดีหนอ…
นกบนกิ่งโมก
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน คอลัมน์ Lighthearted นิตยสาร Image กรกฎาคม 2543
...
...คนอ่าน