New Year Party,What I Have Learn from 2007*

สิ่งที่ชีวิตน้อยๆ ของข้าพเจ้าได้เรียนรู้
ในรอบปีที่ผ่านมา
...

เหตุเกิดในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ :)




...
.....



**ขอเปิดเผยความในใจหน่อยนะคะ : ตลอดเวลาปีเศษๆ ที่คลุกคลีตีโมงกับบล็อกนี้ สิ่งหนึ่งที่ดิฉันเรียนรู้จากที่นี่ได้อีกอย่างก็คือ วัฒนธรรมการอ่านของมนุษย์ออนไลน์ ดิฉันพบว่าส่วนใหญ่มันไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่เลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าชาชินกับของฟรีมากเกินไป จนไม่รู้สึกว่าต้อง "จ่าย" อะไร แม้แต่คำทักทายปฏิสันฐานกันสักคำสองคำ โอ้โห..นี่มันวัฒนธรรมอะไรกันเนี่ย
...
บางทีว่างๆ ดิฉันลองตาม ip หรือ url ที่ปรากฏในบล็อกนี้ไปบ้าง ไปอ่านของเขาบ้าง ก็พลอยไม่กล้าเขียนอะไรทิ้งไว้ให้เหมือนกัน เพราะเวลาเขามาบ้านเรา ก็ไม่เห็นทักทาย เราไปบ้านเขาบ้าง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะยินดีต้อนรับเราหรือเปล่า พลอยทำให้เราใจจืดไปด้วยอีกคน บางทีมันก็เป็นเรื่องมิตรจิตมิตรใจนะคะ
...
อีกอย่างคือการไปด้วยช่องทางแบบนั้น มันไม่สง่างามเอาเสียเลย เจ้าตัวเขาอยากให้เรารู้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ ว่าเขาเข้ามาอ่านในบล็อกเราด้วย มันลำบากใจทุกฝ่ายอยู่เหมือนกันนะ แต่ถ้าเขาเคยทักทายเราในบ้านเราบ้าง ความรู้สึกแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นเลย ว่างๆ เราอาจจะแวะไปเยี่ยม ไปเขียนอะไรที่บ้านเขาบ้างโดยไม่รู้สึกกระดากใจ
..
อีกอย่างที่ดิฉันรู้สึกจากช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาก็คือ บางครั้งการไปเขียนอะไรในบล็อกคนอื่น ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เจ้าของบล็อกนั้นตามกลับมาเขียนในบล็อกเราเลยค่ะ ทุกครั้งที่เกิดอะไรอย่างนั้น ดิฉันก็รู้สึกผิดอยู่ทุกที ว่าไปสร้างความลำบากลำบนให้เจ้าของบล็อกเค้าหรือเปล่า[ที่เราไปเขียน]เหมือนต้องขอบคุณ ต้องตอบแทน เหมือนผลัดกันเขียนเวียนกันชมอย่างไรไม่รู้
...
แล้วการที่ต้องมาอ่านบล็อกดิฉันเนี่ย มันคงทรมานมากเลยสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ [มีงานวิจัยค่ะ ว่าคนใช้เน็ตสมาธิสั้น ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ แต่บังเอิญดิฉันชอบเขียนยาวๆ ค่ะ เพราะติดมาจากงานเขียนคอลัมน์ที่ทำมาหลายปี จนระบบคิดและการจัดระเบียบตัวหนังสือในสมองมันเป็นแพทเทิร์นเดียวไปหมดแล้ว ซึ่งทำให้เขียนงานชิ้นนึง จะต้องไม่ต่ำกว่าสองหน้ากระดาษ A4 อยู่เสมอ ไม่ว่าจะพยายามตัดหรือทำให้สั้นแค่ไหนก็ตาม]
...
ตลอดชีวิตของดิฉัน พยายามหลีกเลี่ยงสังคมประเภท "ผลัดกันเขียนเวียนกันชม" เสมอมา ดังนั้น ถ้าพอจะเปลี่ยนแปลงอะไรในวัฒนธรรมออนไลน์นี้บ้าง ดิฉันอยากให้เราทุกคนที่อยู่ในสังคมนี้ รู้สึกว่ามันเป็น "หน้าที่" ในการฟีดแบค หรือสะท้อนความคิดความรู้สึกของตัวเองออกมาบ้าง เล็กๆ น้อยๆ สักคำสองคำ ทักทายสวัสดีกันเท่านั้นก็ยังดี
...
ทำเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ ทำให้เป็นเรื่องปกติสามัญ ทำจนเหมือนการกินน้ำ เหมือนการหายใจ คือทำไปตลอดเวลาโดยที่ไม่รู้สึกว่ามันเป็นภาระอะไร ทำให้มันเป็นวัฒนธรรมออนไลน์ไปเลย ต่อไปจะได้ไม่ต้องรู้สึกกระดากใจในการทำสิ่งนี้ มันเป็นวัฒนธรรมที่น่าส่งเสริมให้แพร่หลายนะคะ
......
การเติบโตของวัฒนธรรมบล็อกในบ้านเราตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ดิฉันคิดว่ามันยังขาดการพัฒนาตรงนี้ประมาณหนึ่ง ผลระยะยาวของมันก็คือ ทำให้คนเขียนเบื่อหน่ายค่ะ เพราะไม่รู้จะเขียนไปทำไม บล็อกที่คนเขียนต้องการแสดงความรู้ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ อย่างบริสุทธิ์ใจ โดยไม่มีเรื่องการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง มันจะค่อยๆ หายไป
....
ดิฉันเจอมาแล้วจากบล็อก top hit หลายบล็อกของ blogspot หรือ blog ดังยี่ห้ออื่นๆ ที่เคยเข้าไปอ่านประจำ สมัยที่ยังไม่มีบล็อกเป็นของตัวเอง ซึ่งปกติจะมีคนอ่านวันละเป็นแสนหลายแสน แต่คนคอมเมนต์น้อยลงเรื่อยๆ คนเขียนก็อัพเดทน้อยลงเรื่อยๆ คนอ่านก็ลดลงเรื่อยๆ จนที่สุดก็ปล่อยเป็นบล็อกร้างหรือลบทิ้งไปเลย อดอ่านกันไปเลย น่าเสียดาย บางบล็อกนั้นคนเขียนเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยท็อปเท็นของโลกเลยทีเดียว มีอะไรดีๆ ให้อ่านเยอะมาก
...
เมื่อเป็นดังนี้ ในช่วงต่อๆ ไปมันจะมีแต่บล็อกธุรกิจ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อการค้าขายมากขึ้น ตอนนี้บริษัทห้างร้านต่างๆ มองเรื่องบล็อกเป็นเรื่องธุรกิจการตลาดไปแล้วค่ะ ถ้าคนอ่านบล็อกไม่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอะไรบ้าง ในอนาคต สังคมบล็อกมันคงจะเป็นธุรกิจไปหมดล่ะค่ะ
.....
ดิฉันเป็นคนทำหนังสือ-เขียนหนังสือขายค่ะ เลี้ยงชีพด้วยตัวหนังสือ ไม่ชินกับของฟรี มันเป็นการงานที่ดิฉันรักและทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้มันดี ให้มันสร้างสรรค์ ความจริงดิฉันชอบกระดาษมากกว่าค่ะ ชอบกลิ่นหนังสือตอนที่เราอ่าน ชอบเสียงกระดาษตอนที่เราพลิกหน้าหนังสือ
...
ตอนนี้ดิฉันก็ถ่องแท้กับวัฒนธรรมบล็อกแล้วค่ะ อาจจะถึงเวลาที่ดิฉันต้องกลับ "ยาน"ที่จอดทิ้งเอาไว้บนโลกนานเกินไปแล้วกระมัง อาจจะถึงเวลาที่ต้องกลับดาวของตัวเองแล้ว :) และที่นี่มันอาจจะไม่ใช่ที่ทางแท้จริงของดิฉันแน่ๆ เลยค่ะ
..........
ดิฉันทราบว่าคนที่เข้ามาอ่านในบล็อกนี้มีไม่น้อยเลย ที่อยู่นอกประเทศไทยก็เยอะมาก อ่านประจำมาตลอดปี นี่ก็ปีใหม่แล้ว ไม่มีแก่ใจจะทักทายกันบ้างเลยหรือคะ ใจจืดใจดำอะไรเช่นนี้นะคนเรา
.......
ดิฉันว่าจะเลิกเขียนที่นี่หลายรอบแล้ว แต่ก็เกรงใจคนอ่านน่ารักๆ หลายๆ ท่านที่เข้ามาคุยเข้ามาทักทายกันเป็นประจำ เท่านั้นเอง บางวันเหนื่อยมาก ขี้เกียจมาก ไม่อยากเขียนอะไร แต่ก็พยายามเขียนค่ะ เพราะบางทีรู้สึกว่าเป็นหน้าที่เหมือนกัน ที่ต้องมาเติมเอ็นทรี่ใหม่ๆ ให้อ่านกัน เพราะเกรงใจ เวลาหลายคนที่ดิฉันแคร์ เฝ้าเวียนคลิกเข้ามาอ่านหลายครั้งแล้ว กลับไม่เจออะไรใหม่ๆ เลย
....
บอกได้เลยว่าถ้าไม่มีผู้อ่านที่น่ารักจำนวนน้อยๆ เหล่านี้ คงไม่ได้อ่านอะไรแถวบล็อกนี้นานแล้วค่ะ [เป็นเรื่องจริงนะ ว่าคนที่สร้างโลกให้น่าอยู่ หรือคนที่เปลี่ยนแปลงโลกในทางสร้างสรรค์นั้น มันมีเพียงไม่กี่คนจริงๆ]
...
สำหรับปีใหม่นี้ ดิฉันกำลังคิดตัดสินใจอยู่ว่าจะเปิดบล็อกนี้ให้อ่านเฉพาะสมาชิกดีหรือไม่ หรือเลิกเขียนบล็อกไปเลย แล้วกลับไปเขียนลงนิตยสารเหมือนที่เคยทำดีกว่า เพราะเขียนอะไรออกไป แม้ไม่มีฟีดแบคอะไรจากผู้อ่านเลย อย่างน้อยดิฉันก็ยังได้สตางค์เรื่องละหลายพัน ที่มีคนเต็มใจ"จ่าย"ให้ แล้วก็จะได้ไม่รู้สึกแย่บ่อยๆ เวลาเข้ามาที่นี่แล้วเจอแต่คนอ่าน โดยที่ไม่มีใครยอม "จ่าย" ฟีดแบคเล็กๆ น้อยๆ อะไรเลย
....
อย่างไรก็ตาม ก็ขอบคุณหลายๆ คนค่ะ สำหรับมิตรจิตมิตรใจ ที่มีให้กันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย หลายท่านเป็นมิตรใหม่ที่เพิ่งได้รู้จักกันที่นี่ นั่นเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ที่ดิฉันได้จากการทำบล็อกนี้ ดิฉันจะไม่ลืมคุณหรอกค่ะ แต่เราอาจจะได้พบกันในรูปแบบอื่น ถ้าไม่เขียนที่นี่แล้วจะส่งข่าวกันอีกทีนะคะ
....
อ้อ...แล้วก็ขอบคุณคู่กรณีทั้งหลายด้วยนะคะ ที่อุตส่าห์แวะเข้ามาอัพเดทข่าวสารอยู่เป็นประจำ ดิฉันไม่ใช่นางฟ้าค่ะ อย่ามาล่วงล้ำก้ำเกินลิมิตความเป็นมนุษย์กันง่ายๆ เกี่ยวกับ "กรณี" ทั้งหลาย ที่บางคนยังเพ่นพ่านอยู่ในโลกออนไลน์เนี่ย วันดีคืนดีก็มาปล่อยของเสียเอาไว้ที่นี่
.....
โรคจิตหรือเปล่าคะคุณ ลองถามตัวเองสิว่าใครเริ่มขึ้นมาก่อน ดิฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็แค่ไม่ยอมให้คุณและ"กรณี"ทั้งหลายมาละเมิดความเป็นมนุษย์ของดิฉันเท่านั้นล่ะค่ะ เลยอดเป็นนางฟ้าไปเลย
....
ดิฉัน"ถือ"เรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากๆ ค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งแรกที่คนเขียนหนังสือทุกคนควรตระหนัก
...
อันที่จริงดิฉันเป็นคนรักสงบ รักเด็ก(บ้าง)แล้วก็รักโลกนี้มากเลยนะคะ :) ปกติถ้ามีกรณีกับใคร ดิฉันก็จะไม่สนใจแล้วค่ะว่ามนุษย์ผู้นั้นมันจะเป็นตายร้ายดีเช่นใด ตั้งแต่เปิดบล็อกนี้มา ดิฉันเคยเขียนพาดพึงถึงคู่กรณีเก่าครั้งแรกและครั้งเดียวในช่วงเดือนแรกๆ ที่ทำบล็อก แล้วก็ลบทิ้งไปแล้วด้วย
...
ดิฉันไม่ใช่นางงามมิตรภาพนะคะ ตลอดชีวิตก็เลยไม่เคยยอมให้ใครมาทำอะไรชุ่ยๆ กับดิฉันฝ่ายเดียวแน่ๆ ใครตบแก้มซ้าย แล้วจะยื่นแก้มขวาไปให้ตบอีกข้างนั้นไม่มีทางค่ะ อย่างน้อยแก้มซ้ายของคนที่ตบดิฉันจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วย
....
ดิฉันก็คงเหมือนคุณ เหมือนทุกคนในโลกนั่นแหละ คือไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากมีปัญหากับใครหรอก ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ แต่มนุษย์เราบางประเภทนี้นะคุณ บางทียอมให้มันหน่อย มันก็จะกระโดดขึ้นมาขี่คอเราทีเดียว ถ้าไม่ตวาด-ไม่โวย-ไม่วีนขึ้นบ้าง มันก็จะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ดิฉันจะยอมๆ ไปก่อน แต่ถ้ามันยังไม่สำนึก ดิฉันก็จะสวนคืนพอๆ กัน ---บางทีเราก็ต้องปกป้องตัวเองเหมือนกันนะคะ
....
ดิฉันคิดว่าในบางครั้ง การทะเลาะกัน ยอมกันไม่ได้ มันก็คือการคัดสรรพวกพ้องและเผ่าพันธุ์ตามธรรมชาติอย่างหนึ่ง ว่าเราควรคบใครไว้ในชีวิตเราจริงๆ บ้าง
...
ที่หยัดยืนเป็นตัวตนเป็นผู้เป็นคนกับเขามาได้จนทุกวันนี้ ก็ผ่านการรบรากับผู้คนมาแล้วไม่น้อย แต่จะพูดไปทำไมมี คนทะเลาะกัน ต่างฝ่ายก็ว่าตัวเองดีวันยังค่ำ ในเมื่อเดินบนทางเดียวกันไม่ได้ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวอะไรกันน่าจะดีกว่า
....
แต่ถ้ายังไม่เลิกรา ภาคมารดิฉันก็พอคุ้มครองตัวเองได้เหมือนกันนะ แล้วคุณจะลืมดิฉันไม่ลงเหมือนกันล่ะค่ะ ขอบอกไว้เลย
....
กรณีเก่ารายใดแวะเข้ามาอ่านที่นี่แล้วที่คิดว่าดิฉันหลอกด่าคุณในบล็อกนี้ สงสัยคุณจะแย่แล้วนะคะ เพราะสำหรับ"คู่กรณี"ทั้งหลาย ดิฉันถือว่าได้"คัดทิ้ง"ออกจากสารบบชีวิตไปแล้ว ไม่เปลืองเวลาเขียนถึงหรอกค่ะ
...
...
ผู้อ่านบางท่านเคยตั้งข้อสังเกตว่า บล็อกนี้มีแต่เรื่องดีๆ ไม่มีอะไรเป็นลบเลย มาถึงตรงนี้เห็นทีต้องเปลี่ยนคำพูดเสียแล้วกระมัง
...
ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าอ่านเอ็นทรี่นี้แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี ถือเสียว่าเปิดใจกันสักที เผื่อตลอดปีที่เหลือมันจะมีอะไรดีขึ้นกว่านี้
....
อันที่จริงเป็นความตั้งใจค่ะ เวลาเขียนอะไรก็ตาม ไม่ว่าที่ไหน ดิฉันอยากเขียนแต่สิ่งที่ดีงาม คงเหมือนร็อดนีย์ สมิธ ที่ชอบถ่ายแต่ภาพสวยๆ นั่นกระมัง มันเป็นเรื่องของสไตล์ค่ะ ว่ากันไม่ได้
...
แต่โลกเราก็ไม่ได้มีแต่ด้านที่สวยงามเสมอไป บางด้านที่เราไม่อยากเห็น แต่มันมีอยู่ นานๆ หันไปมองดูมันอย่างเต็มตาบ้าง ได้พบเจอของไม่ดีบ้าง ก็คงไม่เป็นไรนะ โลกเราก็เป็นอย่างนี้เอง
....
..
อย่างไรก็ตาม สำหรับทุกท่านที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้
ก็ขอบคุณทั้งหมด ทั้งคนที่ชอบและคนที่ไม่
[แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ถ้าคุณไม่ชอบดิฉัน บางทีในชีวิตจริงดิฉันก็อาจจะไม่ชอบคุณเหมือนกันล่ะน่า :]
....
สวัสดีปีใหม่อีกทีค่ะ :)

...............



หมายเหตุ : ข้อความต่อไปนี้ ดิฉันเขียนตอบคอมเมนต์คุณๆ เอาไว้ข้างล่างนะคะ ขอยกมาแปะไว้ตรงนี้อีกทีหนึ่ง เผื่อหลายท่านไม่ได้คลิกอ่านทั้งหมดน่ะค่ะ

สำหรับเอ็นทรีนี้ ดิฉันขออนุญาตคุยรวมไปเลยนะคะ ตอนแรกดิฉันรู้สึกว่าตัวเองเขียนโหดไปหน่อยหรือเปล่า แต่เมื่อมาอ่านแต่ละคอมเมนต์ของแต่ละท่านแล้วทำอึ้งๆ ไปเหมือนกัน

กำลังนึกว่าน่าจะโหดๆ มาตั้งนานแล้วหรือเปล่าเนี่ย ไม่โหดคงไม่ได้รู้จักกันมากขึ้น และคงไม่ได้อ่านคอมเมนต์ดีๆ และน่าสนใจได้มากขนาดนี้

บางคอมเมนต์นี่ทำเอาน้ำตาจะไหลเลยนะคะ

บางคอมเมนต์ก็มีประเด็น มีเรื่องราวบางอย่างที่ดิฉันไม่เคยทราบมาก่อนเลย

โธ่ๆ ไม่ออกโหด คงไม่ได้อ่านแน่เลย

อันที่จริง เมื่อใครคนหนึ่งลงมือเขียนอะไรให้คนอ่านทางอินเตอร์เน็ต ก็คงทำใจกันแล้วประมาณหนึ่งแล้วนะคะ เรื่องคอมเมนต์อะไรทั้งหลายนี่

แต่บังเอิญดิฉันเป็นคนชอบการสื่อสารแบบตอบโต้ มีปฏิกริยา มีบรรยากาศมากเป็นพิเศษเท่านั้น

ถ้าบางท่านพอจะจำได้ ตอนเขียนลงนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ดิฉันก็มักจะมีหัวข้อให้คนอ่านส่งความคิดความเห็นมาร่วมสนุกอยู่เสมอ การสื่อสารแบบมีปฏิกริยาตอบโต้ระหว่างกันมันสนุก และดิฉันคิดว่ามันทำให้มีสีสัน มีมิติมากขึ้นนะคะ

ที่เลือกมาทำบล็อก ก็เพราะชอบตรงที่มันฟรี :) ใช้ง่ายดี (ไม่เหมือนเมื่อก่อน ทำเว็บไซต์ จะเปลี่ยน จะแก้ไขอะไรที ต้องเรียกหาเว็บมาสเตอร์ ยุ่งยากพิลึก) ที่สำคัญที่ชอบที่สุด คือมันมีฟีดแบคเร็วทันใจดี มันทำให้เราเองก็สนุกกับการเขียน การถ่ายทอดความคิดมากขึ้น

ส่วนตัวดิฉันเอง ถ้ายิ่งเขียนบล็อก แล้วยิ่งไม่มีใครอ่าน ยิ่งไม่มีใครคอมเมนต์ ดิฉันก็คงคิดแค่ว่าตัวเองเขียนไม่ดี เลยไม่มีใครสนใจ ดิฉันก็คงจากไปอย่างเงียบๆ ไม่กล้ากระโตกกระตากอะไร แม้แต่จะต่อว่าใครก็คงไม่กล้าหรอกค่ะ

แต่นี่มันไม่ใช่ไงคะ บล็อกนี้นะคะ ดิฉันพบว่าคนอ่านมากขึ้นทุกวัน มากจนดิฉันตกใจแน่ะ ว่าทำไมมีคนเข้ามาอ่านเยอะแยะขนาดนี้ แต่ยิ่งคนมาอ่านเยอะ แต่ทำไมคอมเมนต์ยิ่งน้อยลงทุกวัน ตรงนี้ต่างหากที่ดิฉันติดใจ ก็เลยอดโหดไม่ได้อย่างที่เห็น

ที่น่าสนใจคือ บล็อกในบ้านเราเนี่ย มันอายุไม่ค่อยยืน อย่างบล็อกดังๆ เมื่อปีที่แล้วหรือหลายปีที่แล้ว หลายๆ บล็อกก็แทบจะร้างไปแล้ว เพราะคนอ่านคนคอมเมนต์น้อยลงทุกวัน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะคะ


ไม่ว่าที่ไหนก็ตามในโลกออนไลน์นี้ เวลาคนเขียนอะไรออกไป ถ้าคนอ่านยิ่งน้อย คอมเมนต์ยิ่งน้อย คนเขียนก็คงยิ่งอ่อนใจ ยิ่งหมดแรงเขียนลงเรื่อยๆ ตามไปด้วยนะคะ

แต่ตรงกันข้าม ถ้ายิ่งเขียน ยิ่งมีคนอ่านเยอะขึ้นทุกวัน ยิ่งมีคนคอมเมนต์เยอะขึ้นทุกวัน มันก็จะยิ่งสนุก ยิ่งคึกคัก มันยิ่งทำให้คนเขียนอยากเขียน อยากอัพเดทบ่อยๆ นะคะ มันเป็นธรรมชาติมนุษย์ มันเป็นปฏิกริยาพื้นฐานของมนุษย์เราเลยล่ะค่ะ

ก็ไม่ถึงกับต้องคอมเมนต์ทุกครั้งหรอกนะคะ (มีบางท่านเปรียบเทียบเสียเซ็กซี่ไปเลย อย่างเปรียบเทียบบกับเซ็กซ์นะคะ ดิฉันคิดว่าคุณแม่บ้านคงไม่ปฏิเสธเซอร์ไพรส์หรอกค่ะ แต่ถ้ามันพอจะรู้ล่วงหน้าบ้างว่าประมาณไหน อย่างน้อยเธอก็อาจจะมีเวลาตระเตรียมตัวล่วงหน้าไว้รอท่า เช่นจัดหาโซ่แส้กุญแจมือหรือสายรัดถุงน่องมาแต่งเซอร์ไพรส์คุณบ้างก็ได้นะ ดีออกนะคะ haha :)

ไม่ถึงกับต้องเขียนคอมเมนต์ทุกครั้งที่เข้ามาอ่าน แต่ถ้าเห็นบรรยากาศมันเริ่มเฉื่อยๆ เนือยๆ ไม่ค่อยมีใครเข้ามาเขียนอะไรฝากไว้เท่าไหร่ ก็แวะเข้ามาเขียนอะไรสักหน่อยก็ยังดี คงไม่เรียกร้องมากเกินไปนะคะ

และทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ไม่ได้หมายถึงบล็อกนี้ที่เดียวเท่านั้น แต่หมายถึงที่อื่นๆ บล็อกอื่นๆ ที่คุณเข้าไปอ่านกันเป็นประจำด้วยน่ะค่ะ

ต้องขอขอบคุณทุกท่าน ทุกคอมเมนต์ ณ ที่นี้จากใจจริง อย่างน้อยก็ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าเรายังพอคบกันได้ค่ะ เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะไม่ค่อยเข้าใจธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมระหว่างกันเท่าใดนักเท่านั้น

ข้างบน ถ้ามีคำใดหนักไปหน่อย แรงไปนิด ก็ต้องขออภัยมานี้ที่นี้ด้วย
...........
หลังปีใหม่ที่ผ่านมาหลายวันนี้ ดิฉันเองก็มีเรื่องราวในชีวิตที่ต้องพบ ต้องคิดกับมันมากมาย ถ้าเป็นช่างภาพก็คงอยากถ่ายรูปเก็บไว้ เมื่อเป็นคนเขียนหนังสือล่ำสันมาเสียขนาดนี้แล้ว เรื่องราวพวกนี้ไม่เขียนก็คงไม่ได้ แล้วจะเขียนเก็บไว้อ่านคนเดียวก็กระไร ...ก็เลยตั้งใจว่าประเดี๋ยวจะมาอัพเดทเรื่องใหม่ๆ ให้อ่านกันค่ะ
.........

ขอบคุณในน้ำใจไมตรีของทุกท่านเป็นอย่างแรง และอยากจะพูดคำเชยๆ เหมือนที่เคยพูดซ้ำๆ มานานนับสิบปี เวลาเจอใครบางคน หลายๆ คน ที่ทำให้เรารู้สึกดีกับโลกใบนี้มากขึ้น

...

"ขอบคุณที่โลกหมุนให้เรามาเจอกันค่ะ"













space 10

space 10

space 06

space 06

space 05

space 05

space 04

space 04

space 02

space 02

slow life in pai 23

ปายไม่มีแจ็คพ็อต! ช้าๆ นะช้าๆ ไม่ต้องรีบล่าแต้ม :) หลายปีมานี้มีหนังสือนำเที่ยวปายตีพิมพ์ออกมาหลายเล่ม เราจะพบคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของปาย ไม่ว่าจะเป็น กองแลน น้ำตกหมอแปง หมู่บ้านจีนยูนนาน ฯลฯ อันที่จริง ถ้าหาทางมาถึงปายจนได้แล้ว ที่เหลือก็ไปต่อเองสบายๆ แล้ว เพราะ เมืองปายมันเล็กนิดเดียว มาถึงวันแรกวันเดียวก็เที่ยวได้เกือบทะลุปรุโปร่งแล้ว .คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 22 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,18-2010.... เมฆบางๆ ใจเบาๆ นั่งเรือเก่าๆ ข้ามฝั่งแม่น้ำโขง ...เบิ่งลาว หลายคืนวันในเชียงคาน จากการได้อาศัยกินอยู่ซุกหัวนอนและเที่ยวเตร็ดเตร่ไปตามซอกเล็กซอกน้อยริมโขง ก่อนจะกลับเข้ารังนอนของแต่ละวัน เราจะต้องมานั่งๆ นอนๆ ยืนๆ สูดลมเย็นริมแม่น้ำโขง มองดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับลงตรงที่ภูเขาและแม่น้ำจรดกัน

slow life in pai 21 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,17-2010
ค่ายนักเขียนน้อยเชียงคาน ฉันไม่แน่ใจหรอกว่า การสอน"เขียนหนังสือ"นั้น มันจะได้ผลแค่ไหน และมันสอนกันได้อย่างไรแน่ ทฤษฎีการเขียนนั้นมีอยู่มากหลาย แต่มีกี่คนที่ใช้ได้ผล ที่สำคัญ ไอ้ที่เราเขียนเองนั่นน่ะ มันดีแล้วหรือ จึงสะเออะไปสอนคนอื่นเขา :) การสอนเรื่องการเขียนสำหรับฉัน มันมีคำถามมากมายอย่างนั้นแหละ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 20 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,16-2010 หวิวไม่หวิว :) ฉันเป็นโรคประหลาด คือเวลาไปเที่ยวไหน จะไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเขาเท่าไหร่ อย่างตอนไปปารีส ก็ไม่ได้เคยนึกว่าจะต้องไปดูหอไอเฟล หรือจะต้องขึ้นไปบนนั้นให้ได้ เหมือนกับตอนที่ไปพิพิภัณฑ์ลูฟว์ครั้งแรกในชีวิต ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปต่อคิวดูภาพโมนาลิซ่ากับเขาแต่อย่างใด คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 19 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,17-2010 เถ้าแก่ลาว และยามเช้าริมแม่น้ำโขง เถ้าแก่ลาวเป็นชื่อเกสต์เฮาส์เล็กๆ ในเชียงคานที่เราได้มีโอกาสแวะไปพักอีกแห่งหนึ่ง โดยดูจาก "หลังบ้าน" ก่อนจะวิ่งมาดูหน้าบ้านอีกเช่นกัน เกสต์เฮาส์แห่งนี้ มีห้องพักอยู่เพียงสามสี่ห้อง ห้องสวยที่สุดอยู่บนชั้น 2 มีระเบียงส่วนตัวชมแม่น้ำโขงที่สวยเลิศ คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 18 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,15-2010 ของกินริมโขง มากมายมากมี.งานเขียนของ"น้องหมิว หมูหวาน"เรณุมาศ พลพันธ์ นักเรียนชั้นม.5/2 โรงเรียนเชียงคาน น้องหมิวเป็นนักเรียนสังกัดค่ายอบรมนักเขียนน้อยสีชมพูของ'ปราย พันแสงนั่นเองล่ะค่ะ ขอโปรโมทนิดนึงนะ เพราะน้องเค้าเขียนได้น่ารักน่าแซ่บมากจริงๆ เสียดายลืมถ่ายรูปส้มตำเชียงคานมาประกอบเรื่องด้วย แต่เอาน่า แค่ตัวหนังสืออย่างเดียวก้อ "น้ำลายแตก" แบบที่น้องเค้าว่าเหมือนกัน คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 17 from Chiangkan to Pai Madam

last update : Feb,14-2010 เรื่องรักในเชียงคาน เมื่อราตรีประดับดาวและหยาดน้ำตา ในความคิดถึงของมาดามวารินชำราบ "มีเพลงหนึ่งนะ ที่พี่ชอบมาก แต่เปิดฟังอีกไม่ได้เลยหลังจากอาเสีย" เป็นคำเอื้อนเอ่ยแบบปัจจุบันทันด่วนของ "พี่ติ๋ม"สุมาลี วงษ์สวรรค์ เธอคือ"มาดามวารินชำราบ"ตัวละครที่นักอ่านไทยแสนจะคุ้นเคย ในฐานะภรรยาของพญาอินทรีแห่งสวนอักษรที่เพิ่งโบยบินจากเราไปจิบไวน์อยู่บนฟ้า ...'รงค์ วงษ์สวรรค์ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 16 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,13-2010 เชียงคาน เมืองไม้เก่าชายโขง อดีตที่คล้ายไม่ยอมผ่านไปง่ายๆ แต่ก็จะไม่ยอมหวนคืนมาให้ทั้งหมด.ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมคนถ่ายภาพไม่เป็น ฉันชอบความรู้สึกตอนที่กำลังถ่ายภาพอยู่ในเชียงคานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนยืนอยู่บนถนนชายโขงที่ว่างเปล่า ไม่มีผู้คนเดินอยู่เลยแม้แต่คนเดียว วันนั้นฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา มันเป็นยามเช้าของวันจันทร์อันเงียบกริบ เงียบจนฉันได้ยินเสียงหายใจตัวเอง............ .. คนอ่าน

slow life in pai 15 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,12-2010 รักลาว รักเลย กลับปาย :)."รักลาว รักเลย กลับปาย" เป็นข้อความที่ฉันพิมพ์ใส่ไว้ในจอ msn ตั้งแต่เมื่อวาน ...คิดไว้เหมือนกัน ว่าพาดหัวตัวไม้ไว้แบบนี้ คงมีข้อความแปลกๆ ส่งเข้ามาหาอยู่บ้าง แต่บางข้อความ ต้องยอมรับว่า เหนือความคาดหมาย เช่นว่า "ตกลงไม่รักปายแล้วหรือพี่" ....คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 14

last update: Feb,12-2010 อันหัวใจคนเรา นั้นเท่ากลีบมะเฟือง :) .. เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นด้วยอาการกระแอมกระไอระคายคอเล็กน้อย เหตุคงมาจากเมื่อค่ำวานนั่นปะไร มิใช่อื่น ... เรื่องของเรื่องคือ นั่งทำผมอยู่ดีๆ ไฟฟ้าดันดับพรึ่บซะงั้น อยากจะขำว่ะ อยากจะหัวเราะดังๆจริงว้อยยยยยยยยย (กรรมเวร... ขำชาวบ้านเขาเอาไว้เยอะ)แต่มันไม่ค่อยขำ ไม่ฮาเอาเลยแฮะ เพราะเมื่อวานคิดว่าจะกลับบ้านเร็ว ...เลยไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวติดมือไปด้วย...........คลิกอ่านต่อ ... 8

slow life in pai 12

last update : Jan 24-2010 The World We live in. .การอยู่อาศัยบนดาวเคราะห์ดวงนี้ คุณต้องเข้าใจด้วยว่า ... 1.โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณคนเดียว อย่าเวอร์ 2."ความเห็นก็เหมือนตูด ใครๆ ก็มี" บางทีทัศนคติของคุณก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก เก็บๆ ไว้หน่อยก็ได้ ฝีมือ ความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ สำคัญกับโลกนี้มากกว่าลมปาก 3.บางคนได้คืบจะเอาศอก ถ้าโลกนี้ไม่เคยขาดแคลนเผด็จการเลย ก็ไม่ต้องแปลกใจ 4.ไม่มีอะไรสำคัญกับชีวิตเกินกว่าจะปล่อยมันไป คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 11

last update: Jan 15-2010เที่ยวเมืองน้อย อีกซอกมุมเล็กๆ น้อยๆ ของปาย ..เช้านี้พวกเราสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ เพราะเรามีกำหนดออกเดินทางไปเที่ยวเมืองน้อยกัน โดยนัดเจอกันที่หน้าร้านตอนแปดโมงเช้า ฉันตั้งเวลาปลุกไว้ 7 โมงเช้า แต่กว่าจะลุกออกจากที่นอนไปอาบน้ำอาบท่าได้ ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงครึ่ง กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็แปดโมงพอดี แต่กระนั้น ฉันใช้เวลาขี่จักรยานออกจากบ้านไปยังจุดนัดหมายของเราโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นเอง ปายก็น่ารักน่าอยู่อย่างนี้แหละ เมืองมันเล็กนิดเดียว ไปไหนมาไหน ก็ใช้เวลาแค่นิดเดียวเท่านั้น .......คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 10

last update : Jan,12-2010 ปาย : ไม่ได้แปลว่าบังเอิญ วันนี้เรามีลูกค้าคนสำคัญคือน้องออม เป็นนักร้องบอสซ่าสาวเสียงสวยอีกคนของเมืองปาย เธอร้องประจำร้านในปายหลายที่ แถมยังเป็นลูกค้าขาประจำร้านหนังสือฟรีฟอร์มของเราด้วย เธอแวะมาซื้อหนังสืออ่านบ่อยๆ จนสนิทสนมคุ้นเคยกับคนที่ร้านเราเป็นอย่างดี คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 9

last update :jan, 11-2010
ปีใหม่วันที่ 11 :) ... แผนลับอัพบล็อกแตกโพละไปหลายวัน หายจ้อยไปดื้อๆ เสียอย่างนั้น เจ้าของบล็อกก็มิได้นิ่งนอนใจ รู้สึกผิดอยู่ทุกวั้น ทุกวัน เพราะประจานตัวเองเอาไว้บนหน้าบล็อกอย่างโจ่งแจ้งเสียอย่างนั้น ก่อนปีใหม่หลังปีใหม่ปีนี้ ชีวิตวุ่นวายหลายเรื่อง ที่กินเวลาแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของชีวิตคือเรื่องร้านหนังสือ ส่วนอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องการขายของ จัดของ สั่งของ เท่านี้ก็หมดไปแล้วสิบเอ็ดวัน คลิกอ่านต่อ.....

slow life in pai 8

last update: Dec , 28-2009 ........................... 15 เรื่องที่คนขายเสื้อยืดรู้ดี [แต่คนทำหนังสือนี่สิคงไม่ค่อยรู้!:] 1.ผู้คนส่วนใหญ่มักจะซื้อเสื้อยืดที่มีขนาดเล็กกว่าที่ตัวเองจะสวมใส่ได้ประมาณ หนึ่งไซส์อยู่เรื่อยๆ ..2.ผู้หญิงอาการหนักกว่าผู้ชาย บางทีควรจะใส่ไซส์ L แต่กลับซื้อไซส์ S เข้ารูปเสียนี่ คนขายลำบากใจนะจะบอกให้ ...........คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 7

last update: Dec , 27-2009
ปายอีกหนึ่งวัน อีกหนึ่งคืนแห่งสีสัน
[โหด ฮา มันส์ แอนด์ยุ่งเหยิง]
...
ในปา

slow life in pai 6

last update: Dec , 26-2009 ...........................
เมื่อฮันนีมูนกำลังจะสิ้นสุด
ในปายมีใบไม้รูปหัวใจเยอะแยะไปหมด ที่อื่นคงมี แต่เราอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น เมื่อครู่ฉันนั่งจัดไฟล์ภาพในคอมพิวเตอร์เพื่อจัดเก็บลงฮาร์ดดิสค์ ไปเจอภาพใบไม้เหล่านี้เข้า ตอนที่เก็บข้าวของมาอยู่ปาย เป็นช่วงหน้าฝน ใบไม้ใบหญ้าเขียนชอุ่มละออตาไปหมด ฉันนึกถึงความรู้สึกของตัวเองตอนมาอยู่แรกๆ มองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด คงเหมือน "ช่วงฮันนีมูนกับปาย" อย่างที่พี่คนหนึ่งเคยแซวไว้ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 5

last update: Dec , 25-2009 ........................... คริสต์มาสและความคิดถึง :) กำลังเก็บข้าวของ ย้ายห้องอีกครั้ง ปีใหม่วันหยุดยาวนี้ ญาติมิตรมีโครงการแวะมาเยี่ยมเยือนที่ปายหลายคน ที่พักสำหรับผู้มาเยือน จึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนสำหรับฉันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้ ...คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 4

last update : Dec,24 -2009
ปอ-อะ-ยอ-ปาย
Pai = ปาย หนังสือนำเที่ยว Lonely Planet อธิบายไว้ว่า Pai: pronounced like the English word ‘bye’ not ‘pie’ หมายถึงนครเมกกะของนักเดินทาง (Traveler’s Mecca) ครั้งหนึ่งในชีวิตชาวมุสลิมแท้จริง ต้องจาริก “เมกกะ” ให้ได้สักครั้งฉันท์ใด นักเดินทางที่แท้จริงย่อมจาริก “ปาย” ให้ได้สักครั้งฉันท์นั้น
.... .............................................................
Tourist = นักท่องเที่ยว คนที่ท่องเที่ยวชั่วครั้งชั่วคราวแล้วกลับบ้าน ไปทำงาน ใช้ชีวิตตามปกติ
... ............................................ ............................................. Traveler = นักเดินทาง คนที่ไม่ทำงานทำการ เอาแต่เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ นานเป็นเดือน เป็นปี บางทีออกเดินทางท่องเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับบ้านอีกเลยก็มี บางคนแต่งงาน ปลูกบ้าน หางานทำในแหล่งท่องเที่ยวที่ตนชอบ เช่นในปาย-มีเยอะ ............คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 3

last update: Dec,23-2009 .. บางแง่มุมที่สวยงาม อย่างน้อยก็ในความรู้สึก............. [เรื่องตุบๆใต้อกเบื้องซ้าย]
พักนี้นอนดึกตื่นสาย บางทีสิบเอ็ดโมง เที่ยง ยังนอนห่มผ้านวมสองผืนเฉยเลย ตื่นมากว่าจะจัดการกาแฟกับมื้อเช้าเล็กๆ น้อยๆ ด้วยขนมนมเนยชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เตรียมไว้ ก็ปาเข้าไปบ่ายแล้วก็มี นี่แหละชีวิตในปาย เหมือนเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนก็ได้ แต่ฉันรู้สึกผิดทุกครั้งที่ตื่นสาย ...คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 2

last update: Dec , 22-2009 ........................... ด้านมืดของปาย ...หรือ'ปราย :)... [โปรดระวังปอดบวม]
....
วันนี้นั่งคุยยาวนานกับใครบางคนถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ บังเอิญว่าเมืองนี้มันดีเลย์เสมอ หรือก้าวถอยหลังอยู่เรื่อยอย่างไรไม่ทราบ ใครคนนี้ก็ดั๊นเพิ่งได้อ่านมติชนสุดสัปดาห์เล่มเก่าๆสองสามเดือนก่อน ฉบับที่ฉันเขียนถึงปายเอาไว้บ้างสักตอนสองตอน อ่านแล้วคงไม่ค่อยรู้เรื่อง จับอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ จึงยิงคำถามยากๆ ทำให้ฉันอึ้งอยู่เรื่อย ... คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 1

last update :Dec ,21-2009
วันก้าวถอยหลัง
จุดเริ่มต้นแห่งความเฉื่อย?
วันอาทิตย์ 20 ธันวาคม 2552 วันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนมานี้ ที่ฉันไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย ไม่ไปร้าน ไม่ไปไหนเลย โอ้ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลายวัน เพราะฉันมักมีเหตุต้องออกจากบ้านตลอดเวลา ....คลิกอ่านต่อ

หนังหน้าเสื่อ เทค 1

last up date : Dec, 20-2009 เบื้องหน้า เบื้องกลาง เบื้องหลัง เทศกาลหนังหน้าเสื่อ-ปาย เทค 1 ....
ในที่สุดการทดลองจัดฉายหนังกลางแปลงครั้งแรกในปาย (ของพวกเรา) ก็ลุล่วงไปด้วยดี หลังจากก่อนหน้านี้ พวกเราต่างวิ่งวุ่นช่วยกันลุ้นมาหลายวัน ทั้งทำโปสเตอร์ ซีร็อกซ์ใบปลิว ไปเดินแจกในย่านชุมชน วางในร้านอาหาร ......... ...คลิกอ่านต่อ
...

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม-ปาย "ซื้อเสื้อ แถมหนังสือได้มั้ย" ... หลายปีของชีวิตที่วนเวียนคลุกคลีอยู่ในแวดวงหนังสือหนังหา จนกลิ่นกระดาษ กลิ่นหมึกแทบจะกลายเป็นหนังกำพร้าชั้นใหม่ไปแล้ว แต่ไม่เคยเลย ที่ฉันจะต้องใช้พลังกายพลังใจอย่างมากมายมหาศาลเหมือนการทำร้านหนังสือฟรีฟอร์มในปายคราวนี้ .......คลิกอ่านต่อ ...คนอ่าน

ETin+story

คิดแบบอีตี๋นนน นนนน....นนนน ......
อีติ๋น หรืออีตี๋นขาว คือแมวดำตีนขาวตัวหนึ่งใน อ.ปาย ที่ชาวบ้านเรียกกัน อีตี๋นขาว มีชื่อจริงว่า “แองเจลล่า” เป็นชื่อที่เจ้าของมันตั้งให้ เจ้าของอีตี๋นเป็นฝรั่งตัวใหญ่ กล้ามโต มีรอยสักน่าเกรงขามเต็มแขน ฟังมาว่าเคยเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนปายหลายครั้ง ก่อนตัดสินใจพำนักแบบ long term โดยเช่าบ้านอยู่ในปายล่ำสันนานเป็นปีๆ โดยไม่มีกำหนดกลับ เจ้าของอีติ๋นมักจะร้องเรียกหามันตอนค่ำให้มากินข้าวปลาว่า “แอ่งเจ๊ลลลหล่า แอ่งเจ๊ลลลลลลลล้า ม่ำ ม่ำ ม่ำ” ............. คนอ่าน

So Proud to Present

So Proud to Present มืออาชีพ ไม่รู้จักคำว่าออกตัว :) Last update : July 18-2009 ....วันก่อน บรรณาธิการคนหนึ่งของฟรีฟอร์ม ต้องติดต่อกับนักเขียนใหญ่ชื่อดัง เธอออกตัวไว้ในจดหมายบางเรื่อง กับการเป็นบรรณาธิการมือใหม่ของเธอ พอดีเธอส่งจดหมายมาให้อ่านก่อน ฉันก็เลยตัดทิ้งไปหลายคำ ส่วนที่ตัดไปเธอไม่ว่าอะไร--แต่เธอติดใจว่าทำไมเธอจึงออกตัวบ้างไม่ได้"การออกตัวคือการถ่อมตัว ทำไมวงการนี้ต้องโชว์พราวด์ใส่กันเหรอ" เธอว่ามาอย่างนั้นฉันก็เลยต้องอธิบายให้เธอฟังยืดยาว พราวด์หรือเพราด์ของเธอมาจากภาษาอังกฤษคำนี้ Proud \ Proud\,Feeling or manifesting pride, in a good or bad sense; as:(a) Possessing or showing too great self-esteem;overrating one's excellences; hence, arrogant;haughty; lordly; presumptuous.[1913 Webster] …..คลิกอ่านต่อ

PAI--LOW SEASON, HIGH SPIRIT 1

'ปาย'ฝันที่ไม่ได้ฝัน

...กลางฤดูฝ

เมื่อคุณใช้ชีวิตบนโลกนี้มาสักช่วงหนึ่ง ผ่านพบความเป็นไปของโลกมาแล้วพอสมควร คุณจะรู้เลยว่า ชีวิตคนเรานั้นไม่ต้องการอะไรมากมาย นอกจากแค่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน แค่อยากให้ทุกอย่างอยู่ในที่ทางของมัน โดยไม่ต้องรีดเค้นจากตัวเองหรือใครให้มากมาย คลิกอ่านต่อ

............ คนอ่าน

ของมันแตกได้ , รงค์ วงษ์สวรรค์

บทรำพึง...
คิดถึงคนบางคน
ที่กำลังจิบไวน์บนฟ้า.. ภาพจาก tuneingarden.com
Last update: July,04-2009 ......................
ใครเขียนหนังสือมาบ้างจะรู้ เวลาไม่ได้เขียนอะไรนานๆ มันจะฝืด อาปุ๊-'รงค์ วงษ์สวรรค์ เคยพูดกับฉันว่า "ตอนอาหนุ่มๆ นะ อาเขียนชิบหาย คิดอะไรหน่อย เห็นอะไรหน่อย อยากเขียน แล้วก็เขียนออกมาได้มหาศาล บางทีกลับไปอ่าน ยังรู้สึกว่ามันต้องแก้ตรงนั้นแก้ตรงนี้ คือสมัยหนุ่มจะแรงดี แต่งานเขียนอาจจะไม่ค่อยดีเหมือนตอนแก่"...ฉันก็ว่า "อุ๊ย อา ยิ่งดีสิคะ ยิ่งแก่ยิ่งเขียนกระจายไปเลยสิ ดีจะตาย"แต่อาปุ๊ตอนนั้นนั่งรถเข็นมาร่วมงานหนังสือมติชนที่เชียงใหม่ตอบฉันว่า"ตอนแก่นี่ ความคิดดีๆ มันเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยมีแรงเขียนว่ะ"...คลิกอ่านต่อ.............. ......... *... ...คนอ่าน .........47 ความคิดเห็น
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................
...........................
ของมันแตกได้ ...ย่อมแตก
เคยมีสักวันหรือเปล่า ที่คุณถามตัวเองว่า "ตรูทำบ้าอะไรลงไปฟระเนี่ย" ฉันลองมานั่งนึกดู วันนี้เป็นความบ้าแห่งชีวิตฉันโดยแท้จริง ---แล้วมันก็ทำให้ฉันนอนไม่หลับอีกต่างหาก บอกตัวเองแล้ว--ต้องท่องคำว่า "ช่างแม่ง!" --- ให้ขึ้นใจ แล้วเอ็งจะมีชีวิตบนโลกนี้อย่างมีความสุข เอาเข้าจริง มันก็ "ช่างแม่ง" ไม่ได้ทุกทีหรอก..........คนอ่าน

โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ - หวงเยวี่ยน

น้ำตาแชมป์โลก... โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์
Last update : June,10-2009
เมื่อคืนก่อน (June,7-2009) มีการถ่ายทอดสดแข่งขันเทนนิสรอบชิงชนะเลิศ French Open 2009 ประชันฝีมือชั้นเทพระหว่างโรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ กับ โรบิน โซเดอร์ลิง นักเทนนิสดาวรุ่งมือวางอันดับ 23 จากสวีเดน รอบนี้ ถึงแม้จะพ่ายแพ้เฟดเดอเรอร์ แต่โซเดอร์ลิงก็เลื่อนพรวดข้ามชั้นมาเป็นมือวางอันดับ 12 ของโลกแล้วตอนนี้ ใครนั่งดูอยู่เหมือนกันล่ะก็..เราอาจจะรู้สึกเหมือนกันนะ ว่ามันเป็นการดูการแข่งขันเทนนิสที่สนุก ระทึกใจเป็นที่สุด จนแทบไม่อยากจะลุกหนีจากหน้าจอไปไหน แม้กระทั่งจะลุกไปเข้าห้องน้ำ....... คนอ่าน
.................................................
..............................................................
................................................................ ............
อีกวันหนึ่งกับหวงเยวี่ยน และอื่นๆ อีกมากมาย “ระเบิดแห่งความสุข” ถูกจุดขึ้นตอนบ่ายสองกว่าๆ ของวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม ในซอยทองหล่อ 10 ณ ร้านหนังสือบุ๊คมาร์คของ The Third Place เราจึงเชื่อว่ามิตรภาพจากคนแปลกหน้าสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้จริง ซึ่งเป็นงานเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุด”ผู้ชายเหมือนระเบิด” จากฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ..... คนอ่าน

ฉันฝันว่าฉันฝัน

I I Dreamed a Dream ซูซาน บอยล์ ฉันฝันถึงความฝันในวารวันที่ผ่านเลย ยามที่เคยวาดหวังไว้ยิ่งใหญ่ ยามที่ชีวิตยังมีความหมาย ผนึกต่อลมหายใจในกายา ฉันเคยฝันว่าความรักนั้นไม่เคยตาย ฉันเคยฝันว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ยังเมตตา เมื่อครั้งที่ฉันเยาว์และหาญกล้า..ฉันปั้นฝันนั้นมาแล้วทิ้งไป ...

วันชาติชาวหนอน

แล้วเราก็เจอกัน ในวันชาติของชาวหนอน ปีนี้ฟรีฟอร์มเพิ่งมีบูธเป็นของตัวเอง หลังจากที่ไปฝากบูธอื่นขายมาหลายรอบ บูธเราเป็นบูธเล็กๆ ขนาดสองคูณสามเมตร ที่ทางผู้จัดงานใช้พลาสติกใสๆ มากั้นเป็นล็อกๆ ให้เราใช้วางหนังสือจำหน่ายในงาน บูธเล็กขนาดนี้ต้องใช้เวลาจัดอยู่ตั้งหลายชั่วโมง............คนอ่าน

สิ่งที่เรียนรุ้

............ บ
สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากวันนี้ พวกเราทีมงานฟรีฟอร์ม อยู่โยงเฝ้าออฟฟิศกันดึกดื่นเพื่อเก็บงานหนังสือชุดสุดท้ายส่งโรงพิมพ์ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง
...
ช่วงนี้ ฉันออนเอ็มเอสเอ็นเกือบทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่ค่อยได้คุยกับใคร นอกจากส่งลิงค์ ส่งไฟล์งาน ให้คนทำกราฟิคที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน (ซะงั้น) บางคนเข้ามาคุยด้วย แต่ไม่ได้คุยตอบ ก็งอนกันไปหลายราย...คนอ่าน

...................
.................

รักเธอ กอดคนอื่น

สิบปีล่วงแล้ว....รักเธอ....กอดคนอื่น ถ้อยคำที่ผู้คนมักเข้าใจผิด!.ถ้าคุณค้นหาคำว่า"รักเธอ.กอดคนอื่น"ในกูเกิ้ล.มันจะมีมากกว่า.172,000.ลิงค์-ปุจฉาวิสัชนา.ว่าด้วยไม่รักก็กอดไม่ลง?ได้กอดทุกคนที่รัก?รักทุกคนที่กอด?--เอ๊.ยังไง?.. คนอ่าน

Bird in the tree

นกบนกิ่งโมก ยามบ่ายในฤดูฝนอบอ้าวนัก ฉันตัดสินใจอาบน้ำอีกรอบแล้วนอนหลับเสียให้เข็ด การนอนนอกจากจะเป็นการพักผ่อนดีที่สุดแล้ว.มันยังเป็นการ‘หนี’ทุกอย่างได้ดีที่สุด... ...คนอ่าน

pooh

แค่อยากรู้ เธอยังไม่ลืมฉัน.ภาพมิตรภาพแสนซื่อ.ขณะพิกเล็ทเดินตามหมีพูห์ต้อยๆ.รอยเท้าคู่เล็กๆ.ย่ำไปบนหิมะ.เคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทาง.เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

The Road Not Taken

ว่าด้วยวิธีเดินทางในเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนเดิน.:).ยามใดที่ชีวิตต้องมีเรื่องให้คิดถึงบทกวีบทนี้.สิ่งที่รบกวนจิตใจฉันเสมอก็คือ“ชื่อ”ของบทกวีบทนี้...ฉันมักสงสัยว่าทำไมโรเบิร์ต.ฟรอสต์.จึงให้ค่ากับ“ทางที่ไม่ได้เลือก”ถึงเพียงนี้…ชื่อของมันน่าจะเป็น...

drink

คุณดื่มวงการไหน?.เราคบกัน คุยกัน กินดื่มด้วยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้างบางที ตามความรู้ความสามารถ ตามกำลังที่มี เท่าที่รู้เท่าที่เห็น หลายสิบชีวิตในวงการนักเขียนที่ฉันคลุกคลี ล้วนแล้วแต่มี..

HNY 2007

สิ่งที่ชีวิตน้อยๆ.ของข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในรอบปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมการอ่านของมนุษย์ออนไลน์นั้นไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่เลยค่ะ อาจเป็นเพราะชินกับการอ่านของฟรีมากไป จนไม่รู้สึกว่าต้อง"จ่าย"อะไร.แม้แต่คำทักทายกันสักคำ

Sriburapa

บ่ายวันหนึ่งในบ้านศรีบูรพา..เรื่องบางเรื่องในโลกเรา บางทีก็แปลกดี ฉันเพิ่งตอบคำถาม นิตยสารไฮคลาส ไปเมื่อไม่นานนี่เอง เกี่ยวกับนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้...คนสัมภาษณ์ถามฉันว่า ...

paradise lost

PARADISE LOST:จิมมี่ เลี่ยว.พาราไดส์.ลอสต์-เป็นเรื่องราวมิตรภาพความผูกพันของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตจำนวนหนึ่ง (จะเรียกว่าคนก็กะไร เพราะบางอย่างก็เหมือนจะไม่ใช่)มารวมตัวกันอยู่ในดินแดนหนึ่ง ที่ซึ่งพวกเขาทุกคนล้วนเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่ละชีวิตมีปมด้อย มีบาดแผล มีความพิการ มีความบกพร่อง จนทำให้โลกภายนอกปฏิเสธพวกเขา แต่ในดินแดนพาราไดส์ลอสต์แห่งนี้ ทุกชีวิตมีอิสระเสรี เพราะมีผู้ที่เข้าใจ [คลิกอ่านต่อ]

เขียน เขียน และเขียนต่อไปเถิด

เขียน...เขียน...และเขียนต่อไปเถิด.เมื่อวานรื้อกรุสมบัติที่บ้าน.เจอเศษกระดาษเหลืองกรอบแผ่นหนึ่ง.เป็นชิ้นส่วนที่ฉีกออกมาจากนิตยสาร.Writer’s.Digest.ปี 1991 ว้าว!ฉันเก็บเจ้าเศษกระดาษชิ้นนี้มาสิบแปดปีแล้วหรือนี่... คนอ่าน

Kylie X Tour2008

ช้านร้ากเธอ...ไคลี่ มิน็อกซ์ la ..la..lala บันทึกหลังควันจางๆ จากข้างเวทีไคลี่เอ็กซ์ Kylie X 2008 World tour live in Bangkok 23 Nov.2008 อิมแพค เมืองทอง.. ...คนอ่าน

Poomsaron

ภูมิซรอล อ่านว่า พูม-สะ-รอน -เพลงใหม่คาราวาน จากอัลบั้ม โลกร้อนคนละลาย 2 คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา คนข้างเคียงชวนไปชม "คอนเสิร์ต คาราวาน โลกร้อนคนละลาย ครั้งที่ 2"...คนอ่าน

ban jim party

อำนาจนักอ่าน,อภินิหาริย์เจ๊ดัน:). เมื่อทีมงานนิตยสารฟรีฟอร์ม.ร่วมมือร่วมใจกันปิดร้านสรรพรสเพื่อเลี้ยงขอบคุณ"พี่เจี๊ยบ"กฤติยา.กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการหอศิลป์.Jim Thompson Art Center พร้อมทีมงาน

dream

คนล้าฝัน...คนล่าฝัน.ส่งหนังสือเข้าโรงพิมพ์แล้ว.จึงถือเก็บกวาดหน้าจอ.เจอภาพแปลกๆ.ภาพนี้เป็นบรรยากาศช่วงปิดเล่ม.จะเห็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของกองบก.นิตยสารฟรีฟอร์มนั่นคือการได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันตอนตีสี่

friday club

รัฐธรรมนูญห้าศูนย์&กีตาร์ห้าสาย& มหาวิทยาลัยวันศุกร์.ที่นั่งประจำของชมรมเราฯ.คับคั่งด้วยแขกเหรื่อแมนล้วนเต็มโต๊ะ.เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากรั้วจามจุรีและท่าพระจันทร์.ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ไชยันต์.ไชยพร,อาจารย์วีระ.สมบูรณ์,อาจารย์แซม ฯลฯ

perfectionist

วันเซ็งๆ.และเพอร์เฟ็คท์ชั่นนิสต์ผมม้า? เซ็งเป็ดมากค่ะ เลยนั่งดูโฆษณาพาเพลิน โฆษณาเดี๋ยวนี้เขาทำดีมากนะ ได้ยินมาว่าบางคนหาเงินจากการทำโฆษณาเพื่อเอาไปทำหนังไทย.เจ๊งค่ะเจ๊ง.

Gen X-Gen Y

โทษที!.วันนี้ คุณวาดการ์ตูนแล้วหรือยัง?.สองวัน ใช้กระดาษขาวหมดไปแล้วยี่สิบสองแผ่น ไม่อยากเลยเชื่อว่าจะต้องมานั่งหัดวาดการ์ตูนกับเขาล่วย.. ...คนอ่าน

.................
................
...........................
............................
.............................................................................
.........................................................
........................................
...................................................
..........
................ .
บันทึกใบไม้...หากมีเวลาคอยเฝ้าดูนานพอ เราจะเห็นใบไม้ร่วงจากคาคบอย่างเงียบกริบ หล่นร่วงลงทอดตัวนิ่งสนิทแนบชิดผืนหญ้า สิ่งที่เป็นของเราก็คือไม้ยืนต้นไร้ใบกับใบไม้ร่วงอยู่บนผืนหญ้า... ...คนอ่าน