ผู้ชายเหมือนระเบิด

อีกวันหนึ่งกับคุณหวงเยวี่ยน
และอื่นๆ อีกมากมาย :)
Last update: June 5,2009
...........
เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ได้หัวเราะ หัวเราะ หัวเราะ และคุย คุย คุย จนเมื่อยอย่างมีความสุข จนลืมๆ หลายเรื่องที่ต้องคิดเยอะๆในช่วงนี้ไปได้พักใหญ่ เป็นอีกครั้งที่ผู้คนแปลกหน้าก็สร้างความสุขให้เราได้มากมาย สมกับชื่องาน "ระเบิดแห่งความสุข"เอาเสียจริงๆ
..




รายงานโดย : กองบรรณาธิการฟรีฟอร์ม
ระเบิดแห่งความสุข บทสนทนาแห่งความเบิกบาน


สารภาพตามตรงว่าก่อนจะรู้จักตัวอักษรและตัวตนของหวงเยวี่ยน เราไม่เคยได้ยินชื่อหรือแม้แต่ผ่านตางานเขียนจากดินแดนซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของจีนอย่างไต้หวันมาก่อน จนกระทั่งเมื่องาน “ระเบิดแห่งความสุข” ถูกจุดขึ้นตอนบ่ายสองกว่าๆ ของวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม ในซอยทองหล่อ 10 ณ ร้านหนังสือบุ๊คมาร์คของ The Third Place เราจึงเชื่อว่ามิตรภาพจากคนแปลกหน้าสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้จริง ซึ่งเป็นงานเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุด”ผู้ชายเหมือนระเบิด” จากฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ โดยมีสายส่งศึกษิต เคล็ดไทยเป็นผู้ร่วมสนับสนุน


ประมาณบ่ายโมงครึ่งก่อนงานเริ่มสักครึ่งชั่วโมง แม้คนในงานไม่ถึงกับเนืองแน่นเบียดเสียดจนไร้ที่ยืน แต่ก็มากเกินพอจะอนุญาตให้ใช้คำว่าอบอุ่น หวงเยวี่ยนมาถึงงานแล้วในตอนนั้น กำลังเดินไปมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศด้วยท่าทีสบายๆ จนหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นช่างภาพ ตามประกบด้วยเบียร์-อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี ผู้แปลซึ่งเปรียบเหมือนเพื่อนเพียงคนเดียวของนักเขียนชาวไต้หวันคนนี้ (เพราะเป็นคนเดียวที่พูดภาษาจีนได้) และเมื่อตรีดาว อภัยวงศ์ พิธีกรสาวปรากฏโฉมขึ้น บทสนทนาแห่งความเบิกบานจึงถึงเวลาเริ่มต้นหลังจากเลยกำหนดการเดิมมาไม่นานนัก


เหมือนเช่นงานเปิดตัวหนังสือเล่มอื่นทั่วไป ตรีดาวเริ่มต้นด้วยการกล่าวทักทายผู้มาร่วมงานพอหอมปากหอมคอก่อนเรียกเบียร์มาสอบปากคำเกี่ยวกับผลงานก่อนๆ รวมถึงแนวทางการเลือกหนังสือมาแปลของตัวเอง เบียร์ตอบว่าเลือกแปลเฉพาะภาษาจีนเพราะเป็นภาษาที่ถนัด และจะแปลเฉพาะงานที่ตัวเองชื่นชอบเท่านั้น ซึ่งงานของหวงเยวี่ยนถือเป็นหนึ่งในนั้น


และแล้วเวลาที่หลายคนรอคอยก็มาถึง เมื่อถึงคราวนักเขียนมากความสุขขึ้นเวที แน่นอนว่าเบียร์ผู้แปลต้องรับหน้าที่ล่ามจำเป็นไปในตัว ปัญหาคือไมค์ในร้านบุ๊คมาร์คมีจำกัดแค่สองตัวทำให้การถาม-ตอบและแปลต้องอาศัยการส่งไมค์กันไปมาเรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้ไม่น้อย สมแล้วที่หวงเยวี่ยนเป็นนักเขียนเบสเซลเลอร์เพราะเล่าเรื่องสนุกมาก แค่ประสบการณ์ส่วนตัวในวัยเด็กก็สามารถสร้างรอยยิ้มให้อบอวลทั่วร้าน ที่น่าสนใจคือเขาแทบไม่เคยเข้าเรียน เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องสมุดแต่เป็นคนเดียวในโรงเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเรียนในระบบโรงเรียนอาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป


สำหรับใครที่อยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นของ ‘ผู้ชายเหมือนระเบิด’ มาจากไหน เชื่อหรือไม่ว่านิยายเรื่องนี้เริ่มต้นจากหนุ่มขี้เมาในร้านเหล้าซึ่งหวงเยวี่ยนบังเอิญเจอในร้านที่เขาไปประจำ ชายคนนั้นโวยวายเสียงดังถึงความรักไม่สมหวังของตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นอาจบ่นด้วยความรำคาญและปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปแต่หวงเยวี่ยนไม่ เขาพาชายคนนั้นกลับบ้านในสภาพเมามายไร้สติ รอจนเขาตื่นในตอนเช้า จากนั้นจึงลงมือสัมภาษณ์เขาอย่างละเอียดถึง 3 วัน 3 คืน ยิ่งกว่านั้นยังขยายผลไปหาข้อมูลจากฝ่ายหญิงจนกลายเป็น ‘ผู้ชายเหมือนระเบิด’ ในที่สุด


‘ผู้ชายเหมือนระเบิด’ จึงเป็นนิยายที่เกิดขึ้นจากชีวิตจริงและมีลมหายใจดำเนินอยู่ในปัจจุบัน จนเราแอบสงสัยว่าหวงเยวี่ยนมีโครงการจะลองทำภาคสองเป็นเรื่องราวต่อจากหนังสือหรือไม่


น่าเสียดายที่เวลามีจำกัดจึงไม่มีโอกาสถามเพราะหลังจากจบงานหวงเยวี่ยนต้องรีบขึ้นเครื่องไปไต้หวันตอนห้าโมงกว่าๆ แต่ก่อนไปเขาให้สัญญาว่าจะกลับมาเล่าเรื่องราวน่าสนใจของเขาใหม่ เมื่อเวลาเอื้ออำนวย


‘ผู้ชายเหมือนระเบิด’ (Happiness is coming)นิยายรักจากเรื่องจริงไม่อิงนิยาย
รายงานโดย: วรวิช ทรัพย์ทวีแสง / ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤษภาคม 2552

‘ผู้ชายเหมือนระเบิด (ความสุขกำลังจะมา)’ ฟังชื่อแล้วกระเดียดไปทางหนังสือรวมบทความแฉผู้ชาย ผลงานของนักเขียนหญิงฝีปากจัดจ้านซึ่งถูกผู้ชายทิ้งระเบิดใส่แล้วจากไป เหลือไว้เพียงความเจ็บปวดที่ฝังใจจึงต้องหาทางระบายออกมา จนกลายเป็นหนังสือแฉเรื่องจริงของผู้ชายเล่มนี้ อะไรทำนองนั้น

ก่อนที่จะเตลิดไปมากกว่านี้ต้องขอหยุดจินตนาการเกี่ยวกับชื่อไว้เพียงเท่านี้ เพราะนี่คือชื่อของนิยายรักสัญชาติไต้หวันผลงานของนักเขียนหนุ่มนามว่า ‘หวงเยวี่ยน’ แต่หากจะขนานนามเขาให้ถูกต้องสำหรับการทำงานในหนังสือเล่มนี้ เขาคือ ‘ผู้บันทึก’ มากกว่า เนื่องจากเรื่องราวและเหตุการณ์ในหนังสือเล่มนี้ถูกถอดความมาจากเรื่องจริงถึง 95 เปอร์เซ็นต์มีเพียงชื่อตัวละครบางตัวเท่านั้นที่เจ้าตัวอยากให้ปกปิดไว้ด้วยนามแฝง

เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้เขาได้มาจากเด็กหนุ่มในบาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังเมาแอ๋พลางสบถสาบานโอดครวญถึงความเลวร้ายอันน่าอัปยศอดสูว่า ตนสมควรชดใช้กรรมที่ตนเองได้ก่อไว้ด้วยชีวิต หวงเยวี่ยนซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลเกิดความสงสัยจึงซักถามถึงเรื่องราวที่เป็นต้นสายปลายเหตุ

เด็กหนุ่มผู้นั้นเล่าเรื่องราวของเขาด้วยอาการเมาโดยที่ไม่ทราบว่า กำลังส่งเรื่องราวนั้นให้กับนักเขียนผู้กำลังหาพล็อตเรื่องดีๆ เพื่อเขียนนิยายสักเรื่อง ซ้ำยังเป็นนักจิตบำบัดผู้รับฟังปัญหาของผู้อื่นมานักต่อนักแล้ว เขายังคงระบายความกลัดกลุ้มอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมาถึงตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มพอดิบพอดีเด็กหนุ่มผู้นั้นก็เมาสลบคาโต๊ะด้วยพิษสุรา

หวงเยวี่ยนตัดสินใจพาเด็กหนุ่มกลับไปยังที่พักของตนเองและหวังว่าเมื่อเขาตื่นขึ้นจะได้รับฟังเรื่องราวที่กำลังเข้มข้นนั้นต่อ แต่เด็กหนุ่มกลับจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บาร์เมื่อคืนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แถมยังระแวงว่าที่หวงเยวี่ยนพาเขากลับมานั้นได้ทำมิดีมิร้ายเขาไปแล้วหรือเปล่า แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เขาโวยวายเสียงดังจนคนในร้านจะพากันรำคาญ เด็กหนุ่มจึงเข้าใจสถานการณ์ของตนเอง

ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาโดยละเอียดจนเมื่อทราบในภายหลังว่าหวงเยวี่ยนเป็นนักเขียนจึงยินดีให้ถ่ายทอดเรื่องราวของเขาออกมาเป็นหนังสือ เมื่อหวงเยวี่ยนฟังจบเขาตัดสินใจที่จะแกะรอยเบาะแสจากเรื่องราวนั้นเพื่อตามหาผู้หญิงที่เกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มจนเจอ และเรื่องราวอีกครึ่งหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ก็ออกมาจากปากของเธอ(ที่มาของเรื่องราวเหล่านี้ถอดความจากคำสัมภาษณ์ของหวงเยวี่ยนในวันเปิดตัวหนังสือภาคภาษาไทย จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ฟรีฟอร์ม โดยมีคุณ ‘อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี’ ผู้แปลหนังสือเล่มนี้เป็นล่าม)

เรื่องราวมะรุมมะตุ้มของความรักที่เกิดขึ้นในโลกยุคดิจิตอลเรื่องนี้ ความบังเอิญต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นผู้อ่านคงส่ายหน้าให้กับผู้ประพันธ์ว่า เป็นนักเขียนที่ช่างจินตนาการถึงเรื่องความรักที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย ไม่ต่างอะไรกับความเพ้อฝันของคนที่จมอยู่ในจินตนาการอันลวงตาของความรักจนขาดสติ ทว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง จึงทำให้ผู้อ่านมองนิยายหรือบันทึกความจริงเล่มนี้ด้วยสายตาที่ต่างออกไป ทำให้ติดตามเรื่องราวแบบอยากได้ใคร่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป สุดท้ายแล้วเรื่องทั้งหมดจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน

แต่ที่แตกต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆ ก็คือ ผู้อ่านย่อมเกิดความติดค้างสงสัยหลังจากที่อ่านจบว่า ชีวิตจริงของบรรดาผู้คนที่อยู่ในหนังสือนั้นหลังจากสิ้นสุดบรรทัดสุดท้ายที่หวงเยวี่ยนบันทึกไว้แล้วได้ดำเนินต่อไปอย่างไร ไม่ต้องเอ่ยอ้างถึงอารมณ์ความรู้สึกที่บรรจุอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เพราะมันก็ผสมปนเปทั้งสุข ทุกข์ เศร้า เหงา รัก คิดถึงคะนึงหา เจ็บปวด บอบช้ำไม่เกินเลยความจริงของชีวิตไปได้เลย

ภาษาเขียนที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนและการแปลประโยคบทสนทนานั้นได้ถอดความออกมาเป็นคำแสลงและคำพูดดิบๆ ที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันเป็นกิจวัตรในหมู่เพื่อนฝูง จึงทำให้เห็นภาพตัวละครหลักๆ ซึ่งยังถือว่าอยู่ในช่วงอายุวัยรุ่นได้ชัดเจน และด้วยความที่เด็กหนุ่มเป็นนักศึกษาปริญญาโทสาขาปรัชญา เขาจะมีแง่คิดบางอย่างที่ทำให้ผู้อ่านได้เก็บเอาเป็นข้อคิดหรือคำคมติดตัวกลับไปไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

สรุปแล้วหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องรักน้ำเน่าประโลมโลก แต่ยังเป็นดั่งกระจกบานใหญ่ส่องสะท้อนสังคมอันสลับซับซ้อนและไม่สมประกอบ ที่มักเล่นตลกกับชีวิตและความรู้สึกของผู้คนในสังคมจนบอบช้ำไม่ต่างจากเรื่องราวในนิยายที่ใครๆ ว่าน้ำเน่าเลย




幸福來了
ผู้ชายเหมือนระเบิด
[ความสุขกำลังจะมา]
หวงเยวี่ยน : เขียน
อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี : แปล
'ปราย พันแสง : คำนิยมชมชื่น
[คลิกบนปกชมภาพขนาดจริง]:.
vo.....................
“ผมไม่ใช่คนธรรมดา ผมเป็นลูกระเบิด” ระเบิดลูกนี้ชื่อตัวอักษร ผมใช้ถ้อยคำซื่อตรง บอกเล่าความจริงใจ เหมือนชนวนที่เชื่อมโยงกับวัตถุระเบิด ความรักที่ตราตรึง การผจญภัยที่สดสวย เรื่องราวชวนปลื้ม ปีติระคนเหลือเชื่อกักตุนอยู่เต็มสมอง อัดแน่นเจียนระเบิด รสชาติเข้มข้น ความกดดันไร้ขีดจำกัด จำต้องหาทางระบาย ผมจำเป็นต้องระเบิด กรุณาอย่าเป็นห่วง เมื่อผมแหลกเหลวปี้ป่น ผมจะไม่ทิ้งรอยบาดเจ็บใดๆ ไว้บนตัวคุณเลย ดินระเบิดในตัวผมเป็นจิตวิญญาณ สิ่งเดียวที่จะหวั่นไหวบ้างก็คือหัวใจคุณ นอกนั้นจะไม่มีอะไรแตกสลาย ...แล้วคุณจะลืมผมไม่ลง............ง คลิกอ่านต่อ
..........








คนอ่าน

space 10

space 10

space 06

space 06

space 05

space 05

space 04

space 04

space 02

space 02

slow life in pai 23

ปายไม่มีแจ็คพ็อต! ช้าๆ นะช้าๆ ไม่ต้องรีบล่าแต้ม :) หลายปีมานี้มีหนังสือนำเที่ยวปายตีพิมพ์ออกมาหลายเล่ม เราจะพบคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของปาย ไม่ว่าจะเป็น กองแลน น้ำตกหมอแปง หมู่บ้านจีนยูนนาน ฯลฯ อันที่จริง ถ้าหาทางมาถึงปายจนได้แล้ว ที่เหลือก็ไปต่อเองสบายๆ แล้ว เพราะ เมืองปายมันเล็กนิดเดียว มาถึงวันแรกวันเดียวก็เที่ยวได้เกือบทะลุปรุโปร่งแล้ว .คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 22 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,18-2010.... เมฆบางๆ ใจเบาๆ นั่งเรือเก่าๆ ข้ามฝั่งแม่น้ำโขง ...เบิ่งลาว หลายคืนวันในเชียงคาน จากการได้อาศัยกินอยู่ซุกหัวนอนและเที่ยวเตร็ดเตร่ไปตามซอกเล็กซอกน้อยริมโขง ก่อนจะกลับเข้ารังนอนของแต่ละวัน เราจะต้องมานั่งๆ นอนๆ ยืนๆ สูดลมเย็นริมแม่น้ำโขง มองดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับลงตรงที่ภูเขาและแม่น้ำจรดกัน

slow life in pai 21 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,17-2010
ค่ายนักเขียนน้อยเชียงคาน ฉันไม่แน่ใจหรอกว่า การสอน"เขียนหนังสือ"นั้น มันจะได้ผลแค่ไหน และมันสอนกันได้อย่างไรแน่ ทฤษฎีการเขียนนั้นมีอยู่มากหลาย แต่มีกี่คนที่ใช้ได้ผล ที่สำคัญ ไอ้ที่เราเขียนเองนั่นน่ะ มันดีแล้วหรือ จึงสะเออะไปสอนคนอื่นเขา :) การสอนเรื่องการเขียนสำหรับฉัน มันมีคำถามมากมายอย่างนั้นแหละ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 20 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,16-2010 หวิวไม่หวิว :) ฉันเป็นโรคประหลาด คือเวลาไปเที่ยวไหน จะไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเขาเท่าไหร่ อย่างตอนไปปารีส ก็ไม่ได้เคยนึกว่าจะต้องไปดูหอไอเฟล หรือจะต้องขึ้นไปบนนั้นให้ได้ เหมือนกับตอนที่ไปพิพิภัณฑ์ลูฟว์ครั้งแรกในชีวิต ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปต่อคิวดูภาพโมนาลิซ่ากับเขาแต่อย่างใด คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 19 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,17-2010 เถ้าแก่ลาว และยามเช้าริมแม่น้ำโขง เถ้าแก่ลาวเป็นชื่อเกสต์เฮาส์เล็กๆ ในเชียงคานที่เราได้มีโอกาสแวะไปพักอีกแห่งหนึ่ง โดยดูจาก "หลังบ้าน" ก่อนจะวิ่งมาดูหน้าบ้านอีกเช่นกัน เกสต์เฮาส์แห่งนี้ มีห้องพักอยู่เพียงสามสี่ห้อง ห้องสวยที่สุดอยู่บนชั้น 2 มีระเบียงส่วนตัวชมแม่น้ำโขงที่สวยเลิศ คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 18 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,15-2010 ของกินริมโขง มากมายมากมี.งานเขียนของ"น้องหมิว หมูหวาน"เรณุมาศ พลพันธ์ นักเรียนชั้นม.5/2 โรงเรียนเชียงคาน น้องหมิวเป็นนักเรียนสังกัดค่ายอบรมนักเขียนน้อยสีชมพูของ'ปราย พันแสงนั่นเองล่ะค่ะ ขอโปรโมทนิดนึงนะ เพราะน้องเค้าเขียนได้น่ารักน่าแซ่บมากจริงๆ เสียดายลืมถ่ายรูปส้มตำเชียงคานมาประกอบเรื่องด้วย แต่เอาน่า แค่ตัวหนังสืออย่างเดียวก้อ "น้ำลายแตก" แบบที่น้องเค้าว่าเหมือนกัน คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 17 from Chiangkan to Pai Madam

last update : Feb,14-2010 เรื่องรักในเชียงคาน เมื่อราตรีประดับดาวและหยาดน้ำตา ในความคิดถึงของมาดามวารินชำราบ "มีเพลงหนึ่งนะ ที่พี่ชอบมาก แต่เปิดฟังอีกไม่ได้เลยหลังจากอาเสีย" เป็นคำเอื้อนเอ่ยแบบปัจจุบันทันด่วนของ "พี่ติ๋ม"สุมาลี วงษ์สวรรค์ เธอคือ"มาดามวารินชำราบ"ตัวละครที่นักอ่านไทยแสนจะคุ้นเคย ในฐานะภรรยาของพญาอินทรีแห่งสวนอักษรที่เพิ่งโบยบินจากเราไปจิบไวน์อยู่บนฟ้า ...'รงค์ วงษ์สวรรค์ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 16 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,13-2010 เชียงคาน เมืองไม้เก่าชายโขง อดีตที่คล้ายไม่ยอมผ่านไปง่ายๆ แต่ก็จะไม่ยอมหวนคืนมาให้ทั้งหมด.ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมคนถ่ายภาพไม่เป็น ฉันชอบความรู้สึกตอนที่กำลังถ่ายภาพอยู่ในเชียงคานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนยืนอยู่บนถนนชายโขงที่ว่างเปล่า ไม่มีผู้คนเดินอยู่เลยแม้แต่คนเดียว วันนั้นฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา มันเป็นยามเช้าของวันจันทร์อันเงียบกริบ เงียบจนฉันได้ยินเสียงหายใจตัวเอง............ .. คนอ่าน

slow life in pai 15 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,12-2010 รักลาว รักเลย กลับปาย :)."รักลาว รักเลย กลับปาย" เป็นข้อความที่ฉันพิมพ์ใส่ไว้ในจอ msn ตั้งแต่เมื่อวาน ...คิดไว้เหมือนกัน ว่าพาดหัวตัวไม้ไว้แบบนี้ คงมีข้อความแปลกๆ ส่งเข้ามาหาอยู่บ้าง แต่บางข้อความ ต้องยอมรับว่า เหนือความคาดหมาย เช่นว่า "ตกลงไม่รักปายแล้วหรือพี่" ....คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 14

last update: Feb,12-2010 อันหัวใจคนเรา นั้นเท่ากลีบมะเฟือง :) .. เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นด้วยอาการกระแอมกระไอระคายคอเล็กน้อย เหตุคงมาจากเมื่อค่ำวานนั่นปะไร มิใช่อื่น ... เรื่องของเรื่องคือ นั่งทำผมอยู่ดีๆ ไฟฟ้าดันดับพรึ่บซะงั้น อยากจะขำว่ะ อยากจะหัวเราะดังๆจริงว้อยยยยยยยยย (กรรมเวร... ขำชาวบ้านเขาเอาไว้เยอะ)แต่มันไม่ค่อยขำ ไม่ฮาเอาเลยแฮะ เพราะเมื่อวานคิดว่าจะกลับบ้านเร็ว ...เลยไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวติดมือไปด้วย...........คลิกอ่านต่อ ... 8

slow life in pai 12

last update : Jan 24-2010 The World We live in. .การอยู่อาศัยบนดาวเคราะห์ดวงนี้ คุณต้องเข้าใจด้วยว่า ... 1.โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณคนเดียว อย่าเวอร์ 2."ความเห็นก็เหมือนตูด ใครๆ ก็มี" บางทีทัศนคติของคุณก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก เก็บๆ ไว้หน่อยก็ได้ ฝีมือ ความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ สำคัญกับโลกนี้มากกว่าลมปาก 3.บางคนได้คืบจะเอาศอก ถ้าโลกนี้ไม่เคยขาดแคลนเผด็จการเลย ก็ไม่ต้องแปลกใจ 4.ไม่มีอะไรสำคัญกับชีวิตเกินกว่าจะปล่อยมันไป คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 11

last update: Jan 15-2010เที่ยวเมืองน้อย อีกซอกมุมเล็กๆ น้อยๆ ของปาย ..เช้านี้พวกเราสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ เพราะเรามีกำหนดออกเดินทางไปเที่ยวเมืองน้อยกัน โดยนัดเจอกันที่หน้าร้านตอนแปดโมงเช้า ฉันตั้งเวลาปลุกไว้ 7 โมงเช้า แต่กว่าจะลุกออกจากที่นอนไปอาบน้ำอาบท่าได้ ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงครึ่ง กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็แปดโมงพอดี แต่กระนั้น ฉันใช้เวลาขี่จักรยานออกจากบ้านไปยังจุดนัดหมายของเราโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นเอง ปายก็น่ารักน่าอยู่อย่างนี้แหละ เมืองมันเล็กนิดเดียว ไปไหนมาไหน ก็ใช้เวลาแค่นิดเดียวเท่านั้น .......คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 10

last update : Jan,12-2010 ปาย : ไม่ได้แปลว่าบังเอิญ วันนี้เรามีลูกค้าคนสำคัญคือน้องออม เป็นนักร้องบอสซ่าสาวเสียงสวยอีกคนของเมืองปาย เธอร้องประจำร้านในปายหลายที่ แถมยังเป็นลูกค้าขาประจำร้านหนังสือฟรีฟอร์มของเราด้วย เธอแวะมาซื้อหนังสืออ่านบ่อยๆ จนสนิทสนมคุ้นเคยกับคนที่ร้านเราเป็นอย่างดี คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 9

last update :jan, 11-2010
ปีใหม่วันที่ 11 :) ... แผนลับอัพบล็อกแตกโพละไปหลายวัน หายจ้อยไปดื้อๆ เสียอย่างนั้น เจ้าของบล็อกก็มิได้นิ่งนอนใจ รู้สึกผิดอยู่ทุกวั้น ทุกวัน เพราะประจานตัวเองเอาไว้บนหน้าบล็อกอย่างโจ่งแจ้งเสียอย่างนั้น ก่อนปีใหม่หลังปีใหม่ปีนี้ ชีวิตวุ่นวายหลายเรื่อง ที่กินเวลาแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของชีวิตคือเรื่องร้านหนังสือ ส่วนอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องการขายของ จัดของ สั่งของ เท่านี้ก็หมดไปแล้วสิบเอ็ดวัน คลิกอ่านต่อ.....

slow life in pai 8

last update: Dec , 28-2009 ........................... 15 เรื่องที่คนขายเสื้อยืดรู้ดี [แต่คนทำหนังสือนี่สิคงไม่ค่อยรู้!:] 1.ผู้คนส่วนใหญ่มักจะซื้อเสื้อยืดที่มีขนาดเล็กกว่าที่ตัวเองจะสวมใส่ได้ประมาณ หนึ่งไซส์อยู่เรื่อยๆ ..2.ผู้หญิงอาการหนักกว่าผู้ชาย บางทีควรจะใส่ไซส์ L แต่กลับซื้อไซส์ S เข้ารูปเสียนี่ คนขายลำบากใจนะจะบอกให้ ...........คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 7

last update: Dec , 27-2009
ปายอีกหนึ่งวัน อีกหนึ่งคืนแห่งสีสัน
[โหด ฮา มันส์ แอนด์ยุ่งเหยิง]
...
ในปา

slow life in pai 6

last update: Dec , 26-2009 ...........................
เมื่อฮันนีมูนกำลังจะสิ้นสุด
ในปายมีใบไม้รูปหัวใจเยอะแยะไปหมด ที่อื่นคงมี แต่เราอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น เมื่อครู่ฉันนั่งจัดไฟล์ภาพในคอมพิวเตอร์เพื่อจัดเก็บลงฮาร์ดดิสค์ ไปเจอภาพใบไม้เหล่านี้เข้า ตอนที่เก็บข้าวของมาอยู่ปาย เป็นช่วงหน้าฝน ใบไม้ใบหญ้าเขียนชอุ่มละออตาไปหมด ฉันนึกถึงความรู้สึกของตัวเองตอนมาอยู่แรกๆ มองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด คงเหมือน "ช่วงฮันนีมูนกับปาย" อย่างที่พี่คนหนึ่งเคยแซวไว้ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 5

last update: Dec , 25-2009 ........................... คริสต์มาสและความคิดถึง :) กำลังเก็บข้าวของ ย้ายห้องอีกครั้ง ปีใหม่วันหยุดยาวนี้ ญาติมิตรมีโครงการแวะมาเยี่ยมเยือนที่ปายหลายคน ที่พักสำหรับผู้มาเยือน จึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนสำหรับฉันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้ ...คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 4

last update : Dec,24 -2009
ปอ-อะ-ยอ-ปาย
Pai = ปาย หนังสือนำเที่ยว Lonely Planet อธิบายไว้ว่า Pai: pronounced like the English word ‘bye’ not ‘pie’ หมายถึงนครเมกกะของนักเดินทาง (Traveler’s Mecca) ครั้งหนึ่งในชีวิตชาวมุสลิมแท้จริง ต้องจาริก “เมกกะ” ให้ได้สักครั้งฉันท์ใด นักเดินทางที่แท้จริงย่อมจาริก “ปาย” ให้ได้สักครั้งฉันท์นั้น
.... .............................................................
Tourist = นักท่องเที่ยว คนที่ท่องเที่ยวชั่วครั้งชั่วคราวแล้วกลับบ้าน ไปทำงาน ใช้ชีวิตตามปกติ
... ............................................ ............................................. Traveler = นักเดินทาง คนที่ไม่ทำงานทำการ เอาแต่เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ นานเป็นเดือน เป็นปี บางทีออกเดินทางท่องเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับบ้านอีกเลยก็มี บางคนแต่งงาน ปลูกบ้าน หางานทำในแหล่งท่องเที่ยวที่ตนชอบ เช่นในปาย-มีเยอะ ............คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 3

last update: Dec,23-2009 .. บางแง่มุมที่สวยงาม อย่างน้อยก็ในความรู้สึก............. [เรื่องตุบๆใต้อกเบื้องซ้าย]
พักนี้นอนดึกตื่นสาย บางทีสิบเอ็ดโมง เที่ยง ยังนอนห่มผ้านวมสองผืนเฉยเลย ตื่นมากว่าจะจัดการกาแฟกับมื้อเช้าเล็กๆ น้อยๆ ด้วยขนมนมเนยชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เตรียมไว้ ก็ปาเข้าไปบ่ายแล้วก็มี นี่แหละชีวิตในปาย เหมือนเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนก็ได้ แต่ฉันรู้สึกผิดทุกครั้งที่ตื่นสาย ...คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 2

last update: Dec , 22-2009 ........................... ด้านมืดของปาย ...หรือ'ปราย :)... [โปรดระวังปอดบวม]
....
วันนี้นั่งคุยยาวนานกับใครบางคนถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ บังเอิญว่าเมืองนี้มันดีเลย์เสมอ หรือก้าวถอยหลังอยู่เรื่อยอย่างไรไม่ทราบ ใครคนนี้ก็ดั๊นเพิ่งได้อ่านมติชนสุดสัปดาห์เล่มเก่าๆสองสามเดือนก่อน ฉบับที่ฉันเขียนถึงปายเอาไว้บ้างสักตอนสองตอน อ่านแล้วคงไม่ค่อยรู้เรื่อง จับอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ จึงยิงคำถามยากๆ ทำให้ฉันอึ้งอยู่เรื่อย ... คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 1

last update :Dec ,21-2009
วันก้าวถอยหลัง
จุดเริ่มต้นแห่งความเฉื่อย?
วันอาทิตย์ 20 ธันวาคม 2552 วันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนมานี้ ที่ฉันไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย ไม่ไปร้าน ไม่ไปไหนเลย โอ้ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลายวัน เพราะฉันมักมีเหตุต้องออกจากบ้านตลอดเวลา ....คลิกอ่านต่อ

หนังหน้าเสื่อ เทค 1

last up date : Dec, 20-2009 เบื้องหน้า เบื้องกลาง เบื้องหลัง เทศกาลหนังหน้าเสื่อ-ปาย เทค 1 ....
ในที่สุดการทดลองจัดฉายหนังกลางแปลงครั้งแรกในปาย (ของพวกเรา) ก็ลุล่วงไปด้วยดี หลังจากก่อนหน้านี้ พวกเราต่างวิ่งวุ่นช่วยกันลุ้นมาหลายวัน ทั้งทำโปสเตอร์ ซีร็อกซ์ใบปลิว ไปเดินแจกในย่านชุมชน วางในร้านอาหาร ......... ...คลิกอ่านต่อ
...

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม-ปาย "ซื้อเสื้อ แถมหนังสือได้มั้ย" ... หลายปีของชีวิตที่วนเวียนคลุกคลีอยู่ในแวดวงหนังสือหนังหา จนกลิ่นกระดาษ กลิ่นหมึกแทบจะกลายเป็นหนังกำพร้าชั้นใหม่ไปแล้ว แต่ไม่เคยเลย ที่ฉันจะต้องใช้พลังกายพลังใจอย่างมากมายมหาศาลเหมือนการทำร้านหนังสือฟรีฟอร์มในปายคราวนี้ .......คลิกอ่านต่อ ...คนอ่าน

ETin+story

คิดแบบอีตี๋นนน นนนน....นนนน ......
อีติ๋น หรืออีตี๋นขาว คือแมวดำตีนขาวตัวหนึ่งใน อ.ปาย ที่ชาวบ้านเรียกกัน อีตี๋นขาว มีชื่อจริงว่า “แองเจลล่า” เป็นชื่อที่เจ้าของมันตั้งให้ เจ้าของอีตี๋นเป็นฝรั่งตัวใหญ่ กล้ามโต มีรอยสักน่าเกรงขามเต็มแขน ฟังมาว่าเคยเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนปายหลายครั้ง ก่อนตัดสินใจพำนักแบบ long term โดยเช่าบ้านอยู่ในปายล่ำสันนานเป็นปีๆ โดยไม่มีกำหนดกลับ เจ้าของอีติ๋นมักจะร้องเรียกหามันตอนค่ำให้มากินข้าวปลาว่า “แอ่งเจ๊ลลลหล่า แอ่งเจ๊ลลลลลลลล้า ม่ำ ม่ำ ม่ำ” ............. คนอ่าน

So Proud to Present

So Proud to Present มืออาชีพ ไม่รู้จักคำว่าออกตัว :) Last update : July 18-2009 ....วันก่อน บรรณาธิการคนหนึ่งของฟรีฟอร์ม ต้องติดต่อกับนักเขียนใหญ่ชื่อดัง เธอออกตัวไว้ในจดหมายบางเรื่อง กับการเป็นบรรณาธิการมือใหม่ของเธอ พอดีเธอส่งจดหมายมาให้อ่านก่อน ฉันก็เลยตัดทิ้งไปหลายคำ ส่วนที่ตัดไปเธอไม่ว่าอะไร--แต่เธอติดใจว่าทำไมเธอจึงออกตัวบ้างไม่ได้"การออกตัวคือการถ่อมตัว ทำไมวงการนี้ต้องโชว์พราวด์ใส่กันเหรอ" เธอว่ามาอย่างนั้นฉันก็เลยต้องอธิบายให้เธอฟังยืดยาว พราวด์หรือเพราด์ของเธอมาจากภาษาอังกฤษคำนี้ Proud \ Proud\,Feeling or manifesting pride, in a good or bad sense; as:(a) Possessing or showing too great self-esteem;overrating one's excellences; hence, arrogant;haughty; lordly; presumptuous.[1913 Webster] …..คลิกอ่านต่อ

PAI--LOW SEASON, HIGH SPIRIT 1

'ปาย'ฝันที่ไม่ได้ฝัน

...กลางฤดูฝ

เมื่อคุณใช้ชีวิตบนโลกนี้มาสักช่วงหนึ่ง ผ่านพบความเป็นไปของโลกมาแล้วพอสมควร คุณจะรู้เลยว่า ชีวิตคนเรานั้นไม่ต้องการอะไรมากมาย นอกจากแค่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน แค่อยากให้ทุกอย่างอยู่ในที่ทางของมัน โดยไม่ต้องรีดเค้นจากตัวเองหรือใครให้มากมาย คลิกอ่านต่อ

............ คนอ่าน

ของมันแตกได้ , รงค์ วงษ์สวรรค์

บทรำพึง...
คิดถึงคนบางคน
ที่กำลังจิบไวน์บนฟ้า.. ภาพจาก tuneingarden.com
Last update: July,04-2009 ......................
ใครเขียนหนังสือมาบ้างจะรู้ เวลาไม่ได้เขียนอะไรนานๆ มันจะฝืด อาปุ๊-'รงค์ วงษ์สวรรค์ เคยพูดกับฉันว่า "ตอนอาหนุ่มๆ นะ อาเขียนชิบหาย คิดอะไรหน่อย เห็นอะไรหน่อย อยากเขียน แล้วก็เขียนออกมาได้มหาศาล บางทีกลับไปอ่าน ยังรู้สึกว่ามันต้องแก้ตรงนั้นแก้ตรงนี้ คือสมัยหนุ่มจะแรงดี แต่งานเขียนอาจจะไม่ค่อยดีเหมือนตอนแก่"...ฉันก็ว่า "อุ๊ย อา ยิ่งดีสิคะ ยิ่งแก่ยิ่งเขียนกระจายไปเลยสิ ดีจะตาย"แต่อาปุ๊ตอนนั้นนั่งรถเข็นมาร่วมงานหนังสือมติชนที่เชียงใหม่ตอบฉันว่า"ตอนแก่นี่ ความคิดดีๆ มันเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยมีแรงเขียนว่ะ"...คลิกอ่านต่อ.............. ......... *... ...คนอ่าน .........47 ความคิดเห็น
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................
...........................
ของมันแตกได้ ...ย่อมแตก
เคยมีสักวันหรือเปล่า ที่คุณถามตัวเองว่า "ตรูทำบ้าอะไรลงไปฟระเนี่ย" ฉันลองมานั่งนึกดู วันนี้เป็นความบ้าแห่งชีวิตฉันโดยแท้จริง ---แล้วมันก็ทำให้ฉันนอนไม่หลับอีกต่างหาก บอกตัวเองแล้ว--ต้องท่องคำว่า "ช่างแม่ง!" --- ให้ขึ้นใจ แล้วเอ็งจะมีชีวิตบนโลกนี้อย่างมีความสุข เอาเข้าจริง มันก็ "ช่างแม่ง" ไม่ได้ทุกทีหรอก..........คนอ่าน

โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ - หวงเยวี่ยน

น้ำตาแชมป์โลก... โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์
Last update : June,10-2009
เมื่อคืนก่อน (June,7-2009) มีการถ่ายทอดสดแข่งขันเทนนิสรอบชิงชนะเลิศ French Open 2009 ประชันฝีมือชั้นเทพระหว่างโรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ กับ โรบิน โซเดอร์ลิง นักเทนนิสดาวรุ่งมือวางอันดับ 23 จากสวีเดน รอบนี้ ถึงแม้จะพ่ายแพ้เฟดเดอเรอร์ แต่โซเดอร์ลิงก็เลื่อนพรวดข้ามชั้นมาเป็นมือวางอันดับ 12 ของโลกแล้วตอนนี้ ใครนั่งดูอยู่เหมือนกันล่ะก็..เราอาจจะรู้สึกเหมือนกันนะ ว่ามันเป็นการดูการแข่งขันเทนนิสที่สนุก ระทึกใจเป็นที่สุด จนแทบไม่อยากจะลุกหนีจากหน้าจอไปไหน แม้กระทั่งจะลุกไปเข้าห้องน้ำ....... คนอ่าน
.................................................
..............................................................
................................................................ ............
อีกวันหนึ่งกับหวงเยวี่ยน และอื่นๆ อีกมากมาย “ระเบิดแห่งความสุข” ถูกจุดขึ้นตอนบ่ายสองกว่าๆ ของวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม ในซอยทองหล่อ 10 ณ ร้านหนังสือบุ๊คมาร์คของ The Third Place เราจึงเชื่อว่ามิตรภาพจากคนแปลกหน้าสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้จริง ซึ่งเป็นงานเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุด”ผู้ชายเหมือนระเบิด” จากฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ..... คนอ่าน

ฉันฝันว่าฉันฝัน

I I Dreamed a Dream ซูซาน บอยล์ ฉันฝันถึงความฝันในวารวันที่ผ่านเลย ยามที่เคยวาดหวังไว้ยิ่งใหญ่ ยามที่ชีวิตยังมีความหมาย ผนึกต่อลมหายใจในกายา ฉันเคยฝันว่าความรักนั้นไม่เคยตาย ฉันเคยฝันว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ยังเมตตา เมื่อครั้งที่ฉันเยาว์และหาญกล้า..ฉันปั้นฝันนั้นมาแล้วทิ้งไป ...

วันชาติชาวหนอน

แล้วเราก็เจอกัน ในวันชาติของชาวหนอน ปีนี้ฟรีฟอร์มเพิ่งมีบูธเป็นของตัวเอง หลังจากที่ไปฝากบูธอื่นขายมาหลายรอบ บูธเราเป็นบูธเล็กๆ ขนาดสองคูณสามเมตร ที่ทางผู้จัดงานใช้พลาสติกใสๆ มากั้นเป็นล็อกๆ ให้เราใช้วางหนังสือจำหน่ายในงาน บูธเล็กขนาดนี้ต้องใช้เวลาจัดอยู่ตั้งหลายชั่วโมง............คนอ่าน

สิ่งที่เรียนรุ้

............ บ
สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากวันนี้ พวกเราทีมงานฟรีฟอร์ม อยู่โยงเฝ้าออฟฟิศกันดึกดื่นเพื่อเก็บงานหนังสือชุดสุดท้ายส่งโรงพิมพ์ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง
...
ช่วงนี้ ฉันออนเอ็มเอสเอ็นเกือบทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่ค่อยได้คุยกับใคร นอกจากส่งลิงค์ ส่งไฟล์งาน ให้คนทำกราฟิคที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน (ซะงั้น) บางคนเข้ามาคุยด้วย แต่ไม่ได้คุยตอบ ก็งอนกันไปหลายราย...คนอ่าน

...................
.................

รักเธอ กอดคนอื่น

สิบปีล่วงแล้ว....รักเธอ....กอดคนอื่น ถ้อยคำที่ผู้คนมักเข้าใจผิด!.ถ้าคุณค้นหาคำว่า"รักเธอ.กอดคนอื่น"ในกูเกิ้ล.มันจะมีมากกว่า.172,000.ลิงค์-ปุจฉาวิสัชนา.ว่าด้วยไม่รักก็กอดไม่ลง?ได้กอดทุกคนที่รัก?รักทุกคนที่กอด?--เอ๊.ยังไง?.. คนอ่าน

Bird in the tree

นกบนกิ่งโมก ยามบ่ายในฤดูฝนอบอ้าวนัก ฉันตัดสินใจอาบน้ำอีกรอบแล้วนอนหลับเสียให้เข็ด การนอนนอกจากจะเป็นการพักผ่อนดีที่สุดแล้ว.มันยังเป็นการ‘หนี’ทุกอย่างได้ดีที่สุด... ...คนอ่าน

pooh

แค่อยากรู้ เธอยังไม่ลืมฉัน.ภาพมิตรภาพแสนซื่อ.ขณะพิกเล็ทเดินตามหมีพูห์ต้อยๆ.รอยเท้าคู่เล็กๆ.ย่ำไปบนหิมะ.เคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทาง.เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

The Road Not Taken

ว่าด้วยวิธีเดินทางในเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนเดิน.:).ยามใดที่ชีวิตต้องมีเรื่องให้คิดถึงบทกวีบทนี้.สิ่งที่รบกวนจิตใจฉันเสมอก็คือ“ชื่อ”ของบทกวีบทนี้...ฉันมักสงสัยว่าทำไมโรเบิร์ต.ฟรอสต์.จึงให้ค่ากับ“ทางที่ไม่ได้เลือก”ถึงเพียงนี้…ชื่อของมันน่าจะเป็น...

drink

คุณดื่มวงการไหน?.เราคบกัน คุยกัน กินดื่มด้วยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้างบางที ตามความรู้ความสามารถ ตามกำลังที่มี เท่าที่รู้เท่าที่เห็น หลายสิบชีวิตในวงการนักเขียนที่ฉันคลุกคลี ล้วนแล้วแต่มี..

HNY 2007

สิ่งที่ชีวิตน้อยๆ.ของข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในรอบปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมการอ่านของมนุษย์ออนไลน์นั้นไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่เลยค่ะ อาจเป็นเพราะชินกับการอ่านของฟรีมากไป จนไม่รู้สึกว่าต้อง"จ่าย"อะไร.แม้แต่คำทักทายกันสักคำ

Sriburapa

บ่ายวันหนึ่งในบ้านศรีบูรพา..เรื่องบางเรื่องในโลกเรา บางทีก็แปลกดี ฉันเพิ่งตอบคำถาม นิตยสารไฮคลาส ไปเมื่อไม่นานนี่เอง เกี่ยวกับนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้...คนสัมภาษณ์ถามฉันว่า ...

paradise lost

PARADISE LOST:จิมมี่ เลี่ยว.พาราไดส์.ลอสต์-เป็นเรื่องราวมิตรภาพความผูกพันของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตจำนวนหนึ่ง (จะเรียกว่าคนก็กะไร เพราะบางอย่างก็เหมือนจะไม่ใช่)มารวมตัวกันอยู่ในดินแดนหนึ่ง ที่ซึ่งพวกเขาทุกคนล้วนเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่ละชีวิตมีปมด้อย มีบาดแผล มีความพิการ มีความบกพร่อง จนทำให้โลกภายนอกปฏิเสธพวกเขา แต่ในดินแดนพาราไดส์ลอสต์แห่งนี้ ทุกชีวิตมีอิสระเสรี เพราะมีผู้ที่เข้าใจ [คลิกอ่านต่อ]

เขียน เขียน และเขียนต่อไปเถิด

เขียน...เขียน...และเขียนต่อไปเถิด.เมื่อวานรื้อกรุสมบัติที่บ้าน.เจอเศษกระดาษเหลืองกรอบแผ่นหนึ่ง.เป็นชิ้นส่วนที่ฉีกออกมาจากนิตยสาร.Writer’s.Digest.ปี 1991 ว้าว!ฉันเก็บเจ้าเศษกระดาษชิ้นนี้มาสิบแปดปีแล้วหรือนี่... คนอ่าน

Kylie X Tour2008

ช้านร้ากเธอ...ไคลี่ มิน็อกซ์ la ..la..lala บันทึกหลังควันจางๆ จากข้างเวทีไคลี่เอ็กซ์ Kylie X 2008 World tour live in Bangkok 23 Nov.2008 อิมแพค เมืองทอง.. ...คนอ่าน

Poomsaron

ภูมิซรอล อ่านว่า พูม-สะ-รอน -เพลงใหม่คาราวาน จากอัลบั้ม โลกร้อนคนละลาย 2 คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา คนข้างเคียงชวนไปชม "คอนเสิร์ต คาราวาน โลกร้อนคนละลาย ครั้งที่ 2"...คนอ่าน

ban jim party

อำนาจนักอ่าน,อภินิหาริย์เจ๊ดัน:). เมื่อทีมงานนิตยสารฟรีฟอร์ม.ร่วมมือร่วมใจกันปิดร้านสรรพรสเพื่อเลี้ยงขอบคุณ"พี่เจี๊ยบ"กฤติยา.กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการหอศิลป์.Jim Thompson Art Center พร้อมทีมงาน

dream

คนล้าฝัน...คนล่าฝัน.ส่งหนังสือเข้าโรงพิมพ์แล้ว.จึงถือเก็บกวาดหน้าจอ.เจอภาพแปลกๆ.ภาพนี้เป็นบรรยากาศช่วงปิดเล่ม.จะเห็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของกองบก.นิตยสารฟรีฟอร์มนั่นคือการได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันตอนตีสี่

friday club

รัฐธรรมนูญห้าศูนย์&กีตาร์ห้าสาย& มหาวิทยาลัยวันศุกร์.ที่นั่งประจำของชมรมเราฯ.คับคั่งด้วยแขกเหรื่อแมนล้วนเต็มโต๊ะ.เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากรั้วจามจุรีและท่าพระจันทร์.ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ไชยันต์.ไชยพร,อาจารย์วีระ.สมบูรณ์,อาจารย์แซม ฯลฯ

perfectionist

วันเซ็งๆ.และเพอร์เฟ็คท์ชั่นนิสต์ผมม้า? เซ็งเป็ดมากค่ะ เลยนั่งดูโฆษณาพาเพลิน โฆษณาเดี๋ยวนี้เขาทำดีมากนะ ได้ยินมาว่าบางคนหาเงินจากการทำโฆษณาเพื่อเอาไปทำหนังไทย.เจ๊งค่ะเจ๊ง.

Gen X-Gen Y

โทษที!.วันนี้ คุณวาดการ์ตูนแล้วหรือยัง?.สองวัน ใช้กระดาษขาวหมดไปแล้วยี่สิบสองแผ่น ไม่อยากเลยเชื่อว่าจะต้องมานั่งหัดวาดการ์ตูนกับเขาล่วย.. ...คนอ่าน

.................
................
...........................
............................
.............................................................................
.........................................................
........................................
...................................................
..........
................ .
บันทึกใบไม้...หากมีเวลาคอยเฝ้าดูนานพอ เราจะเห็นใบไม้ร่วงจากคาคบอย่างเงียบกริบ หล่นร่วงลงทอดตัวนิ่งสนิทแนบชิดผืนหญ้า สิ่งที่เป็นของเราก็คือไม้ยืนต้นไร้ใบกับใบไม้ร่วงอยู่บนผืนหญ้า... ...คนอ่าน