คุณดื่มวงการไหน :)



วันนี้มะโหน่งเข้าออฟฟิศแต่เช้า เล่าให้ฟังว่าเพิ่งไปงานชุมนุมนักเขียนมา เจอใครต่อใครมากมาย “มีคนมาถามถึงพี่กับผมเยอะเลย”


เฮ้ย! คนหลังภูเขาอย่างพี่ มีอะไรให้ถามกะเขานะ “มีคนหนึ่งว่ะพี่ เขาบอกว่าเพิ่งไปกินเหล้ากะพี่มา พี่คอแข็งมาก กินเหล้าถึงตีสี่ตีห้า”

เฮ้ยๆๆๆๆ ชักยังไงเฟร้ย!

ซักไปซักมา กลายเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการหนังสือบางคน ที่เคยแวะเวียนมาเจอกันแถววงประชาชื่นในคืนวันศุกร์นั่นเอง ที่ฝากคำทักทายน่ากลัว (โคตร) มากับน้องนุ่งของเรา

โธ่! ฟังแล้วต๊กใจ!
ร้ายจริงคนเรา ทักเสียอย่างนี้ แต่ไม่ยอมเล่าต่อนะ ว่าที่พวกเราต้องเช้ากันน่ะ มันเป็นเพราะฝีมือใครกันแน่-ฮึ่มๆ

แก้ข่าวหน่อยนะค้า! ไปวงนั้นกินแต่เบียร์ค่ะ เหล้าไม่ค่อยไหว เพราะเหล้าทีไร ตื่นมาแล้วมันจะตายเสียให้ได้ หลังๆ มานี้เหล้าของเราหมายถึงค็อกเทล ผสมนั่นนี่ให้วุ่นวายเล่น เวลาไปวงนี้ จะมีเบียร์แก้วสองแก้ว ขวดสองขวดแจมกันกับพี่ผู้หญิงอีกคน แต่บางศุกร์ ถ้าขาเมาธ์เมามันส์ หลังตีสองอาจจะมีเลิกนับกันบ้าง แต่พยายามไม่หักโหม เพราะไม่อยากเบื่อตัวเองในวันต่อมา เบียร์บ้าง น้ำเปล่าบ้าง กาแฟที่เซเว่นบ้าง เราก็นั่งคุยกะเขาได้เรื่อยๆ ถึงเช้า

วงนี้เมามากไม่ได้
เพราะเดี๋ยวโดนกองทัพคำคมถล่มแล้วสมองจะแล่นช้า
จะเอาคืนไม่ทัน
ต้องรอไปอีกเจ็ดวันจึงจะแก้ตัวได้ :)

หลังๆ มานี่ พวกเราเมาธ์กันเมามันจนไม่มีใครยอมเลิกรา อาจเป็นเพราะแอบสังเกตว่าคนที่กลับก่อนเสมอ มักจะเป็นผู้อาวุโสทั้งสิ้น

พวกเราในวงประชาชื่นมีกันหลายสิบชีวิต สลับสับเปลี่ยนเวียนกันมาครั้งละประมาณสิบ เกือบทุกคนล้วนแล้วแต่ทำงาน หรือ "เคย" คลุกคลีในวงการหนังสือ อย่างคุณพี่ทนาย นอกจากจะเป็นเพื่อนประถมมัธยมมหา'ลัย กับพี่บรรณาธิการใหญ่ของเราแล้ว ยังเคยเป็นบรรณาธิการหนังสือเอียงซ้ายสมัยเรียนอีกต่างหาก

พี่ใหญ่ที่สุดในวงเราอายุเข้าหลักหกสองสามคน หลักห้า สี่ สาม สอง ตามมา ส่วนมากจะหลักสามต้น กลาง ปลาย เวลาฉันพาเพื่อนหน้าใหม่ๆ ไปร่วมวงบ้าง เพื่อนพ้องน้องพี่ จะมีอาการดี๊ด๊า สัปดาห์ต่อมาถ้าไม่เจอหน้าอีก ก็จะถามถึงกันระงม แบบว่าวงเราขาดแคลนคนหน้าใหม่อย่างรุนแรงน่ะค่ะ ไม่ใช่อะไร

มีใครแถวนี้สนใจ
ลองสมัครได้นะคะ
ถ้าไม่กลัวพวกเรา
haha

ฉันมีโอกาสเห็นนักเขียนชั้นครูนั่งเขียนต้นฉบับในวงเหล้าเพื่อส่งแฟกซ์ไปลงหนังสือพิมพ์กรอบเช้าวันรุ่งขึ้นก็จากวงนี้ บางทีก็มีโอกาสช่วยอ่าน ช่วยตรวจคำบ้าง ฟังผู้อาวุโสเหล่านี้คุยกันมันส์สุดๆ เพราะหลายอย่างที่พวกเขาพูดกันในวงเหล้านั้น บ่อยครั้งที่กลายเป็นข่าวพาดหัวตัวไม้ในภายหลัง สนุกกว่าดูรายการเล่าข่าวทางโทรทัศน์เป็นไหนๆ

วงเล็บ ไม่อยากจะเชื่อเนอะ ว่าเราจะเกิดมาทันยุคที่มีคนมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟังทางโทรทัศน์ เมื่อก่อนรายการแบบนี้มีแค่ในวิทยุเอเอ็มเท่านั้น แล้วตอนนี้ ดูสิ เล่าข่าวบางรายการ กำไรปีละสามสี่ร้อยล้าน ไม่กำไรได้ไง ในเมื่อวิธีทำงานไปวันๆ ก็แค่ซื้อหนังสือพิมพ์เล่มละแปดบาทไปนั่งอ่านปาวๆ แค่นี้ก็เรียกว่าทำรายการโทรทัศน์กะเขาได้แล้วเน้อ!

ชักไปไกล กลับมาวงประชื่นของเราดีกว่า
ล่าสุดที่เรานั่งคุยกันถึงเช้า ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจตุคามฯ ฮากระจาย

ฉันจำได้ว่าวันนั้นหัวเราะตั้งแต่หัวค่ำจรดเช้า แทบจะไม่มีเวลาพักหายใจ วันรุ่งขึ้น นอนทั้งวันทั้งคืนฟื้นมาบ่ายวันอาทิตย์ นึกถอยหลัง ยังเผลอนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว

อ้อ!ใครว่าเมาแล้วจำไม่ได้
ฉันไม่ค่อยเชื่อแฮะ เพราะฉันไม่เคยลืมเลย
ไม่ว่าเมาแค่ไหนก็ตาม

บางครั้งเรามีเพื่อนๆ พี่ๆ นักเขียน เจ้าของหนังสือดีๆ มากมาย(ที่เราไม่ค่อยจะได้อ่านกันเท่าไหร่ แต่รู้ว่าหนังสือดี จนมีคนให้รางวัลได้ล่ะน่า)แวะมาแจมบ้างเป็นครั้งคราว

ล่าสุดดูเหมือนจะเป็นแก๊งจตุคามฯของนักเขียนที่ได้รับรางวัลชมเชยจากงานสัปดาห์หนังสือ (ที่พวกเราแกล้งเรียกกันว่า รางวัล “ชมว่าเชย” )ฉันมีโอกาสได้จับต้องจตุคามฯ กับเขาเป็นครั้งแรก เป็นจตุคามฯ ของคุณประชาคม ลุนาชัย ที่เอามาอวดพวกเราในวง เพราะพี่เขาเพิ่งได้จตุคามฯเป็นรางวัลมาจากผู้ใหญ่ โทษฐานที่เขียนหนังสือดีจนได้รางวัลมาประดับสำนักพิมพ์อยู่ทุกปี

ฉันไม่ค่อยสนใจจตุคามฯ
แต่รู้สึกว่าการให้ของขวัญกันด้วย "พระ" เนี่ย
มันน่ารักดีนะ


วงเล็บที่สอง หนังสือของคุณประชาคม อ่านหลายเล่มแล้วนะคะ ตอนแข่งซีไรต์ ยังเชียร์ "เขียนฝันด้วยชีวิต" อย่างสุดจิตสุดใจ ใครอยากเขียนหนังสือ ให้อ่านเล่มนี้เลย คุณจะรักและภูมิใจในวิชาชีพเขียนหนังสือขึ้นอีกจม

แล้วคุณจะรู้ว่า คนบางคนพิถีพิถัน ตั้งอกตั้งใจกับงานของตัวเองอย่างเหลือเชื่อ งานเขียนบางชิ้นมันมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีเลือดเนื้อ มีอะไรๆ อยู่ในนั้นมากมาย-ต้องอ่านค่ะ

พูดถึงจตุคามฯ มะโหน่งเลยบอกว่า งานชุมนุมนักเขียนที่เขาเพิ่งไปงานมา ก็มีนักเขียนหนุ่มคนหนึ่งห้อยจตุคามฯอันเบ้อเริ่มเข้ามาในงานด้วยนะ “ทุกคนฮือฮากันมาก แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเป็นขนมโอรีโอ ที่ไปอัดใส่กรอบเลี่ยมขอบมาอย่างดี เวลานั่งอยู่ในงาน มืดๆ เขาก็แอบเอาจตุคามฯขึ้นมากินด้วยนะพี่”


ฉันฟังมะโหน่งแล้วขำก๊าก
ช่างคิดดีจริง
เออนะ จตุคามฯรุ่นโอรีโอ
มีกูไว้แล้วไม่หิว :)

แม้จะผิดศีลห้ากันบ้างบางข้อ โดยเฉพาะในวันศุกร์ แต่นานนับปีที่ได้สัมผัสคลุกคลี ฉันก็รู้สึกว่าหลายคนในวงการหนังสือเหล่านี้มีหลายอย่างน่ารัก หนึ่งปี สองปี ห้าปี สิบกว่าปี ที่รู้จักกันมา มีน้อยมากที่จะทำให้รู้สึกไม่ดี ซึ่งคนส่วนน้อยเหล่านี้ เราก็ตัดออกจากสารบบชีวิตของเราไปแล้วโดยอัตโนมัติ

เราคบกัน คุยกัน กินดื่มด้วยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้างบางที ตามความรู้ความสามารถ ตามกำลังที่มี เท่าที่รู้เท่าที่เห็น หลายสิบชีวิตในวงการนักเขียนที่ฉันคลุกคลี ล้วนแล้วแต่มีน้ำใจ อย่างน้อยพวกเขาก็มีให้ฉันสม่ำเสมอ ฉันได้รับ ฉันยืนยัน และฉันซาบซึ้งตลอดมา

ไม่ได้พูดให้สวย
แต่มันเป็นเรื่องจริง
พิสูจน์ได้ด้วยชีวิตตัวเอง

บางคนคบหากันมา ตั้งแต่ฉันยังไม่มีหนังสือของตัวเองสักเล่ม ตั้งแต่ยังไม่มีใครรู้จักชื่อ’ปราย พันแสง หลายปีผ่านไป จนพอจะมีชื่ออยู่บนปกหนังสือกับเขาบ้างในวันนี้ พวกเขาก็ยังมีน้ำใจกับฉันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเรา

นอกจากชอบโทรตามตอนสิบโมงเช้า
ให้มาร่วมวงกันเร็วๆ หน่อยเท่านั้นล่ะ :)

แม้แต่หนังสือฟรีสักเล่ม เสื้อยืดฟรีสักตัว พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่เคยเอ่ยขอแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากเราจะเต็มใจเอาไปให้เอง บางทีเอาไปให้อ่าน เขายังบอกว่าเก็บไว้ขายเถอะ ไม่ต้องเอามาให้ เดี๋ยวไปซื้อเองจากแผงดีกว่า จะได้ช่วยเพิ่มยอดขาย

นี่คือมิตรจิตมิตรใจ ในกลุ่มคนที่ไม่ต้องมีของขวัญวันเกิดให้กัน ของขวัญปีใหม่ก็ไม่ค่อยให้ เพราะมีอะไร เราก็หยิบเอามาแบ่งปันกันในวงอยู่เรื่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีวาระ

อย่างล่าสุดพี่บรรณาธิการฯ ของเรา อุตส่าห์เด็ดมังคุดกรอบที่บ้านเอามายำให้พวกเรากินที่วงอย่างตั้งใจ โดยเตรียมมีด เตรียมเครื่องปรุงมาทำให้ชิมพร้อมสรรพ ชิมไปซึ้งไปจนหมดจานไม่รู้ตัว

มันน่ารักจริงๆ ค่ะ
แล้วก็อร่อยมากด้วย :)

บางทีเป็นคนที่ไม่เจอเลยสองเดือน หรือสองปี ห้าหกปี ห่างหาย ก็เป็นคนที่ไม่เคย"คิดทราม" หรือคอยนินทาว่าร้ายเราลับหลัง

บางทีมีคนว่าเราให้ได้ยินบ้าง เขาก็จะถามความจริงจากปากเรา พอให้เรามีโอกาสอธิบาย

หากเป็นสิ่งที่พวกเขาพอเข้าใจได้ เวลามีใครว่าร้าย ยังคอยเป็นลมใต้ปีกขนาดใหญ่ ที่คอยช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดให้เราด้วยบ่อยครั้ง นั่นคือสิ่งที่ประทับใจ

หรือหากเขาจะเคยว่าร้ายในแบบที่ฉันไม่รู้ อย่างน้อยวิธีร้ายของเขาก็ดูดีมีคลาส ไม่มั่วนิ่มโชว์อีโก้อุจาดประเจิดประเจ้อเร่อร่า จนเราต้องจับได้คาหนังคาเขาให้เสียเซลฟ์ล่ะน่า :)

แต่เท่าที่รู้จักกันมา มีอะไรไม่ค่อยดีบ้าง เขาก็จะถาม จะเตือนเราเองซึ่งๆหน้า ไม่เคยเอาเราไปว่ากับคนอื่นทีหลัง แต่เรื่องพวกนี้ไม่ค่อยมีหรอก นอกจากแกล้งหลอกด่า หลอกแซวกันเล่นเอามันส์กันเองในวงเราเท่านั้น

ในวงกินดื่ม เราเฉ่งกันเองบ้างบางครั้ง แต่ก็ถกเถียงกันเพื่อปัญญาขยับขยายมากกว่าจะฆ่ากันให้ตาย ฉันชอบเถียงมากค่ะ หาเรื่องเถียงได้ทุกเรื่อง ไม่เชื่อลองได้ haha ที่วงประชาชื่นเขารู้ดี จึงมีการจัดคู่ชกด้วยการจัดที่นั่งให้บ้างบางที

กับพี่ทนายความทั้งสองคนในวงเนี่ยแหละ คู่ปรับฉัน บางทีเถียงกันแรงบ้างฉันก็แค่ย้ายที่นั่ง ไปนั่งห่างๆ ไกลๆ วันหลังเจอกันเริ่มเรื่องใหม่ ก็นั่งใกล้กันได้อีกที เจอกันเมื่อไหร่ก็ต่อติดเหมือนเดิม

เราไม่เคยต้องนึกเรื่องมาคุยกัน
เพราะเรื่องราวทั้งหลายนั้น
มันหลั่งไหลออกมาเอง จนคุยกันได้ไม่รู้จบ

ความเข้าอกเข้าใจในอาชีพ จากผู้คนที่เรารักและนับถือ ในแวดวงการงานที่เรารัก มันคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เรายืนหยัด เป็นตัวตนขึ้นมาได้ในทุกวันนี้ พวกเขาเหล่านี้คือสังคมที่แท้จริงของฉัน ในชีวิตจริงของฉัน และในทุกๆ วัน เราก็เป็นหนี้สังคมที่เราอยู่เสมอ ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่

ฉันได้รับสิ่งที่ดีมากมายในชีวิตเพราะวงการนี้ ฉันชอบที่คุณประภาส ชลศรานนท์เคยเขียนว่า การที่เราลุกให้เด็กนั่งบนรถเมล์ เด็กคนนั้นเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เขาอาจจะลุกให้คนอื่นนั่งอีกมากมาย นั่นคือการเพาะหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ดีลงในสังคมที่เราอยู่

ฉันคิดว่าวงการหนังสือเราก็เหมือนกัน เราอยากให้มันดี เราก็ต้องช่วยกันเพาะหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ดี เราจึงจะมีสังคมในแบบที่เราต้องการได้ เรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง เราทำได้ทุกคน

ฉันชอบเข้าไปอ่านบล็อกของใครต่อใคร เพราะสังคมออนไลน์ มันก็คือ "สังคมตัวหนังสือ" อีกแบบหนึ่งที่ใกล้ชิด และมีอิทธิพลกับชีวิตคนเรามากขึ้นทุกที

เพื่อนพ้องน้องพี่บางคนที่เราดีต่อกัน วันๆ ของชีวิตก็ต่างคนต่างอยู่ นานๆ จึงจะได้มีโอกาสมาเจอหน้ากันที พอมีบล็อก มีเว็บไดอารี่ของแต่ละคน เราก็สามารถเข้าไปอัพเดทข่าวสารกันและกันได้ง่ายและสะดวก ดีกว่าการใช้โทรศัพท์ตั้งมากมาย ทำให้รู้สึกว่าชีวิตของเราแต่ละคนไม่ได้ห่างไกลกัน ฉันว่าสังคมออนไลน์นั้น นับวันมันจะยิ่งดีและยิ่งมีประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ของมนุษย์เรามาก

และทุกครั้งที่เข้าไปอ่านอะไรเหล่านี้ ฉันก็พยายาม “จ่าย” ค่าตอบแทนการอ่าน ด้วยการเขียนความเห็นของฉัน เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันได้อ่าน ทิ้งร่องรอยเอาไว้เสมอ เพราะคิดว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำได้โดยไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักเช่นนี้ อาจจะทำให้ฉันได้อ่านงานเขียนดีๆ จากใครคนนั้นอีกมากมาย

อย่างน้อยที่สุด
คนเขียนก็จะได้มีกำลังใจ

เพราะฉันเองก็อยากได้สิ่งนั้นเหมือนกัน

บางที เวลาอ่านเจออะไรที่ดีมากๆ ฉันยังนึกอยากให้หน้าจอคอมพิวเตอร์มีที่หยอดเหรียญด้วยซ้ำ จะได้หยอดเงินให้ เรื่องละบาท สิบบาท ยี่สิบบาท หรือร้อยบาทก็ยังดี

บางบล็อก บางเว็บไดอารี่ เป็นนักเขียนสมัครเล่นก็จริง แต่ฝีมือน่ะ พวกเขียนหากินเป็นอาชีพอาจต้องชิดซ้าย เพราะหลายคนที่เขียนให้อ่านฟรีออนไลน์นั้น เขียนดีกว่าหนังสือแพงๆ ที่เราซื้อมาจากร้านตั้งเยอะ

อ่านแล้วอยากจ่ายค่าตอบแทนให้ เพราะสิ่งดีๆ ที่เราได้รับจากการอ่านผลงานของเขานั้นมีมากมาย จนรู้สึกว่าแค่เขียนคำฝากเอาไว้ให้คงไม่พอ

ฉันยังแปลกใจ ในบางเว็บ บางที่ มีคนเข้าไปอ่านอะไรฟรีๆ ตั้งมากมาย แต่ไม่ยอมเขียน ไม่ยอม "จ่าย" อะไรเลย เพราะนึกเอาว่ามันเป็นของฟรี ความนึกคิดแบบนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเห็นแก่ตัวทั้งหลาย

คุณแอบหรือคุณเงาเหล่านี้ไม่สร้างสรรค์สิ่งใด ไร้ตัวตน บางทีอาจจะสนแค่หวังฟันกำไรจากทุกเรื่องของชีวิตโดยไม่ยอมจ่ายสิ่งใด มันคงไม่ใช่วิธีดำเนินชีวิตที่สง่างามเท่าใดนักหรอกนะ

อันที่จริง การทำอะไรอย่างนี้มันต้องจ่ายแพงมาก
เพราะสิ่งที่เราจ่ายไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
นั่นคือ "เกียรติ" ของเราเอง

คุณแอบ คุณเงา ไม่มีเกียรติให้ตัวเอง
และไม่ให้เกียรติใคร

จะบอกว่าไม่มีเวลายิ่งไม่ใช่เหตุผลใหญ่ กว่าที่คนเราจะเขียนอะไรออกมาให้คนอื่นอ่านได้ มันต้องใช้พลังงานตั้งมากหลาย อ่านอย่างเดียวสบายๆ ทิ้งรอยไว้สักคำสองคำมันหนักหนาสักแค่ไหน

และที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจ บางคนก็ชอบเขียนเหมือนกัน เขียนอะไรออกมาตั้งเยอะแยะ แต่เวลาออนไลน์เข้าไปอ่านของใคร ก็ไม่เคยเขียนอะไรทิ้งไว้ให้คนอื่นเลยซะงั้น คนเขียนเยอะบางคนไม่ชอบและไม่เคยอ่านงานเขียนของคนอื่นเลยด้วยซ้ำ แต่ยังอยากให้คนอื่นมารุมอ่านของตัวเองวันยังค่ำ

แหม..ช่างกล้าหวังเข้าไปได้นะนั่น:)

มีช่วงหนึ่ง เวลาฉันเจอใครๆ คนเหล่านั้นมักจะบอกฉันอยู่เรื่อยว่าเขากำลังทำหนัง เขียนบทบ้าง กำกับบ้าง ทำโน่นทำนี่ ทำหนังไทยกันจัง จนฉันหลงละเมอคิดไปเองว่าวงการหนังไทยมันคงก้าวไกลไปอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ช่วงนั้นไปไหนก็เจอแต่คนทำหนัง สักครึ่งประเทศได้มั้ง แต่ปรากฏว่า เวลาหนังไทยเข้าฉายที ทำไมมันไม่มีคนดูเอาเสียเลย แล้วพวกที่บอกว่าทำหนัง ทำหนังนั่น เขาทำกันอย่างเดียว โดยไม่ยอมตีตั๋วดูหนังของกันและกันเลยหรือไง

และที่ร้ายกว่านั้นคือ เวลาเจอคนทำหนังบางคน ถามว่าดูหนังไทยเรื่องนั้นเรื่องนี้หรือยัง ไม่ว่าจะถามเรื่องไหน ก็มักจะได้คำตอบว่ายังไม่ได้ดู ..เจอบ่อยเข้าจนฉันชักเอะใจ เฮ้ย! นี่มันอะไร! คนทำด้วยกันยังไม่ยอมดู แล้วยังกล้าหวังว่าจะมีชาวบ้านชาวช่องตีตั๋วดูหนังคุณจนโรงแตกอย่างนั้นใช่ไหม ...น่ะนะคนเรา

การเขียนการอ่านมันก็เหมือนกัน

ตอนนี้นักเขียนในประเทศไทย มีเยอะแยะแทบจะเหยียบกันตาย หนังสือไทยยังสตาร์ทพิมพ์กันที่สามพันสองพันเล่ม คิดแบบโง่ๆ กำปั้นทุบดิน แบบไม่ต้องพึ่งรัฐบาล แบบไม่ต้องพึ่งสมาคมใดให้มาช่วยเรา ฉันว่าแค่บรรดานักเขียนไทยด้วยกัน ช่วยซื้อของเพื่อนนักเขียนด้วยกันคนละเล่มสองเล่ม วงการหนังสือไทย คงโชติช่วงชัชวาลย์มากกว่านี้ แต่ที่ผ่านมา เราเคยคิดสนับสนุนกันและกันบ้างไหมเท่านั้น!


ยิ่งเราเป็นคนเขียนด้วยกัน
ถ้าเราไม่อ่านของกันและกัน
ไม่สนับสนุนกันและกัน
แล้วเราจะไปคาดหวังจากใคร


ฉันเชื่อว่าสิ่งดีๆ ในโลกนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะการด่าทอคนอื่นยันเต แต่มันจะเกิดขึ้นได้เพราะเราลงมือทำให้มันเกิดขึ้น เริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี มันต้องเริ่มที่ตัวเรา จากการกระทำของเรา

ไม่ใช่เอาแต่ด่าคนโน้น โม้อย่างนี้ไปวันๆ แล้วละเมอเพ้อไปว่า "ตัวกูของกู" เจ๋งกว่าคนอื่นเสียเต็มประดา แบบนั้นมันมักง่ายและน่าสมเพชเกินไป สำหรับสังคมทุกวันนี้




ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้บางช่วงบางเวลา อาจจะเจอคนที่ไม่ดีในสังคมนี้บ้าง แต่ฉันก็ยังรักผู้คนในวงการนี้เสมอมา บางคนไม่เคยพบเจอ ไม่เคยเห็นหน้า แต่ยังมีความปรารถนาดีให้กัน และฉันก็ยังคารวะเขาได้อย่างไม่ลำบากใจ

คุณเคยอ่านหนังสือจบสักเล่ม
แล้วอยากวางหนังสือเล่มนั้นไว้บนหัวนอน
หรืออยากกราบไหว้ทุกวันทุกคืนบ้างไหม
นั่นแหละ
สิ่งที่หนังสือเล่มหนึ่งทำได้
แล้วเราจะไม่รักผู้คนที่สร้างสรรค์หนังสือเหล่านั้นได้อย่างไร
ใช่ไหม :)






มีคำถามหลายข้อค่ะวันนี้


1.แล้วคุณล่ะ อยู่วงการไหน
2.ผู้คนในแวดวงของคุณเป็นอย่างไร
ดีเลว น่ารัก หรือเช่นไร คุณรักพวกเขาแค่ไหน
3.วงเหล้า วงดื่ม วงสังสรรค์ ของคุณเป็นแบบไหน
4.เย็นวันศุกร์ เช้ากลางวันเย็น วันเสาร์-อาทิตย์ คุณมีชีวิตแบบใด
5.คออ่อน คอแข็ง-กินเหล้าถึงเช้ากะเขา …เคยไหม
6.ปิดท้าย อยากรู้ว่าคุณชอบบล็อกไหนที่สุด ฝากชื่อบล็อก ชื่อลิงค์เอาไว้หน่อย เผื่อตามเข้าไปอ่านบ้าง ขอแค่บล็อกเดียวเท่านั้นนะ ห้ามตอบบล็อกนี้นะคะ แค่นี้ก็ดีใจมากเกินพอแล้วค่ะ :)


ถามค่ะ ถาม
ถ้ายากไป ยาวไป เลือกตอบบางข้อก็ได้ค่ะ






All Rights Reserved.
2007 Copyright©'prypansang




..คนอ่าน

space 10

space 10

space 06

space 06

space 05

space 05

space 04

space 04

space 02

space 02

slow life in pai 23

ปายไม่มีแจ็คพ็อต! ช้าๆ นะช้าๆ ไม่ต้องรีบล่าแต้ม :) หลายปีมานี้มีหนังสือนำเที่ยวปายตีพิมพ์ออกมาหลายเล่ม เราจะพบคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของปาย ไม่ว่าจะเป็น กองแลน น้ำตกหมอแปง หมู่บ้านจีนยูนนาน ฯลฯ อันที่จริง ถ้าหาทางมาถึงปายจนได้แล้ว ที่เหลือก็ไปต่อเองสบายๆ แล้ว เพราะ เมืองปายมันเล็กนิดเดียว มาถึงวันแรกวันเดียวก็เที่ยวได้เกือบทะลุปรุโปร่งแล้ว .คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 22 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,18-2010.... เมฆบางๆ ใจเบาๆ นั่งเรือเก่าๆ ข้ามฝั่งแม่น้ำโขง ...เบิ่งลาว หลายคืนวันในเชียงคาน จากการได้อาศัยกินอยู่ซุกหัวนอนและเที่ยวเตร็ดเตร่ไปตามซอกเล็กซอกน้อยริมโขง ก่อนจะกลับเข้ารังนอนของแต่ละวัน เราจะต้องมานั่งๆ นอนๆ ยืนๆ สูดลมเย็นริมแม่น้ำโขง มองดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับลงตรงที่ภูเขาและแม่น้ำจรดกัน

slow life in pai 21 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,17-2010
ค่ายนักเขียนน้อยเชียงคาน ฉันไม่แน่ใจหรอกว่า การสอน"เขียนหนังสือ"นั้น มันจะได้ผลแค่ไหน และมันสอนกันได้อย่างไรแน่ ทฤษฎีการเขียนนั้นมีอยู่มากหลาย แต่มีกี่คนที่ใช้ได้ผล ที่สำคัญ ไอ้ที่เราเขียนเองนั่นน่ะ มันดีแล้วหรือ จึงสะเออะไปสอนคนอื่นเขา :) การสอนเรื่องการเขียนสำหรับฉัน มันมีคำถามมากมายอย่างนั้นแหละ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 20 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,16-2010 หวิวไม่หวิว :) ฉันเป็นโรคประหลาด คือเวลาไปเที่ยวไหน จะไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเขาเท่าไหร่ อย่างตอนไปปารีส ก็ไม่ได้เคยนึกว่าจะต้องไปดูหอไอเฟล หรือจะต้องขึ้นไปบนนั้นให้ได้ เหมือนกับตอนที่ไปพิพิภัณฑ์ลูฟว์ครั้งแรกในชีวิต ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปต่อคิวดูภาพโมนาลิซ่ากับเขาแต่อย่างใด คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 19 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,17-2010 เถ้าแก่ลาว และยามเช้าริมแม่น้ำโขง เถ้าแก่ลาวเป็นชื่อเกสต์เฮาส์เล็กๆ ในเชียงคานที่เราได้มีโอกาสแวะไปพักอีกแห่งหนึ่ง โดยดูจาก "หลังบ้าน" ก่อนจะวิ่งมาดูหน้าบ้านอีกเช่นกัน เกสต์เฮาส์แห่งนี้ มีห้องพักอยู่เพียงสามสี่ห้อง ห้องสวยที่สุดอยู่บนชั้น 2 มีระเบียงส่วนตัวชมแม่น้ำโขงที่สวยเลิศ คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 18 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,15-2010 ของกินริมโขง มากมายมากมี.งานเขียนของ"น้องหมิว หมูหวาน"เรณุมาศ พลพันธ์ นักเรียนชั้นม.5/2 โรงเรียนเชียงคาน น้องหมิวเป็นนักเรียนสังกัดค่ายอบรมนักเขียนน้อยสีชมพูของ'ปราย พันแสงนั่นเองล่ะค่ะ ขอโปรโมทนิดนึงนะ เพราะน้องเค้าเขียนได้น่ารักน่าแซ่บมากจริงๆ เสียดายลืมถ่ายรูปส้มตำเชียงคานมาประกอบเรื่องด้วย แต่เอาน่า แค่ตัวหนังสืออย่างเดียวก้อ "น้ำลายแตก" แบบที่น้องเค้าว่าเหมือนกัน คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 17 from Chiangkan to Pai Madam

last update : Feb,14-2010 เรื่องรักในเชียงคาน เมื่อราตรีประดับดาวและหยาดน้ำตา ในความคิดถึงของมาดามวารินชำราบ "มีเพลงหนึ่งนะ ที่พี่ชอบมาก แต่เปิดฟังอีกไม่ได้เลยหลังจากอาเสีย" เป็นคำเอื้อนเอ่ยแบบปัจจุบันทันด่วนของ "พี่ติ๋ม"สุมาลี วงษ์สวรรค์ เธอคือ"มาดามวารินชำราบ"ตัวละครที่นักอ่านไทยแสนจะคุ้นเคย ในฐานะภรรยาของพญาอินทรีแห่งสวนอักษรที่เพิ่งโบยบินจากเราไปจิบไวน์อยู่บนฟ้า ...'รงค์ วงษ์สวรรค์ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 16 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,13-2010 เชียงคาน เมืองไม้เก่าชายโขง อดีตที่คล้ายไม่ยอมผ่านไปง่ายๆ แต่ก็จะไม่ยอมหวนคืนมาให้ทั้งหมด.ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมคนถ่ายภาพไม่เป็น ฉันชอบความรู้สึกตอนที่กำลังถ่ายภาพอยู่ในเชียงคานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนยืนอยู่บนถนนชายโขงที่ว่างเปล่า ไม่มีผู้คนเดินอยู่เลยแม้แต่คนเดียว วันนั้นฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา มันเป็นยามเช้าของวันจันทร์อันเงียบกริบ เงียบจนฉันได้ยินเสียงหายใจตัวเอง............ .. คนอ่าน

slow life in pai 15 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,12-2010 รักลาว รักเลย กลับปาย :)."รักลาว รักเลย กลับปาย" เป็นข้อความที่ฉันพิมพ์ใส่ไว้ในจอ msn ตั้งแต่เมื่อวาน ...คิดไว้เหมือนกัน ว่าพาดหัวตัวไม้ไว้แบบนี้ คงมีข้อความแปลกๆ ส่งเข้ามาหาอยู่บ้าง แต่บางข้อความ ต้องยอมรับว่า เหนือความคาดหมาย เช่นว่า "ตกลงไม่รักปายแล้วหรือพี่" ....คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 14

last update: Feb,12-2010 อันหัวใจคนเรา นั้นเท่ากลีบมะเฟือง :) .. เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นด้วยอาการกระแอมกระไอระคายคอเล็กน้อย เหตุคงมาจากเมื่อค่ำวานนั่นปะไร มิใช่อื่น ... เรื่องของเรื่องคือ นั่งทำผมอยู่ดีๆ ไฟฟ้าดันดับพรึ่บซะงั้น อยากจะขำว่ะ อยากจะหัวเราะดังๆจริงว้อยยยยยยยยย (กรรมเวร... ขำชาวบ้านเขาเอาไว้เยอะ)แต่มันไม่ค่อยขำ ไม่ฮาเอาเลยแฮะ เพราะเมื่อวานคิดว่าจะกลับบ้านเร็ว ...เลยไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวติดมือไปด้วย...........คลิกอ่านต่อ ... 8

slow life in pai 12

last update : Jan 24-2010 The World We live in. .การอยู่อาศัยบนดาวเคราะห์ดวงนี้ คุณต้องเข้าใจด้วยว่า ... 1.โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณคนเดียว อย่าเวอร์ 2."ความเห็นก็เหมือนตูด ใครๆ ก็มี" บางทีทัศนคติของคุณก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก เก็บๆ ไว้หน่อยก็ได้ ฝีมือ ความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ สำคัญกับโลกนี้มากกว่าลมปาก 3.บางคนได้คืบจะเอาศอก ถ้าโลกนี้ไม่เคยขาดแคลนเผด็จการเลย ก็ไม่ต้องแปลกใจ 4.ไม่มีอะไรสำคัญกับชีวิตเกินกว่าจะปล่อยมันไป คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 11

last update: Jan 15-2010เที่ยวเมืองน้อย อีกซอกมุมเล็กๆ น้อยๆ ของปาย ..เช้านี้พวกเราสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ เพราะเรามีกำหนดออกเดินทางไปเที่ยวเมืองน้อยกัน โดยนัดเจอกันที่หน้าร้านตอนแปดโมงเช้า ฉันตั้งเวลาปลุกไว้ 7 โมงเช้า แต่กว่าจะลุกออกจากที่นอนไปอาบน้ำอาบท่าได้ ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงครึ่ง กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็แปดโมงพอดี แต่กระนั้น ฉันใช้เวลาขี่จักรยานออกจากบ้านไปยังจุดนัดหมายของเราโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นเอง ปายก็น่ารักน่าอยู่อย่างนี้แหละ เมืองมันเล็กนิดเดียว ไปไหนมาไหน ก็ใช้เวลาแค่นิดเดียวเท่านั้น .......คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 10

last update : Jan,12-2010 ปาย : ไม่ได้แปลว่าบังเอิญ วันนี้เรามีลูกค้าคนสำคัญคือน้องออม เป็นนักร้องบอสซ่าสาวเสียงสวยอีกคนของเมืองปาย เธอร้องประจำร้านในปายหลายที่ แถมยังเป็นลูกค้าขาประจำร้านหนังสือฟรีฟอร์มของเราด้วย เธอแวะมาซื้อหนังสืออ่านบ่อยๆ จนสนิทสนมคุ้นเคยกับคนที่ร้านเราเป็นอย่างดี คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 9

last update :jan, 11-2010
ปีใหม่วันที่ 11 :) ... แผนลับอัพบล็อกแตกโพละไปหลายวัน หายจ้อยไปดื้อๆ เสียอย่างนั้น เจ้าของบล็อกก็มิได้นิ่งนอนใจ รู้สึกผิดอยู่ทุกวั้น ทุกวัน เพราะประจานตัวเองเอาไว้บนหน้าบล็อกอย่างโจ่งแจ้งเสียอย่างนั้น ก่อนปีใหม่หลังปีใหม่ปีนี้ ชีวิตวุ่นวายหลายเรื่อง ที่กินเวลาแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของชีวิตคือเรื่องร้านหนังสือ ส่วนอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องการขายของ จัดของ สั่งของ เท่านี้ก็หมดไปแล้วสิบเอ็ดวัน คลิกอ่านต่อ.....

slow life in pai 8

last update: Dec , 28-2009 ........................... 15 เรื่องที่คนขายเสื้อยืดรู้ดี [แต่คนทำหนังสือนี่สิคงไม่ค่อยรู้!:] 1.ผู้คนส่วนใหญ่มักจะซื้อเสื้อยืดที่มีขนาดเล็กกว่าที่ตัวเองจะสวมใส่ได้ประมาณ หนึ่งไซส์อยู่เรื่อยๆ ..2.ผู้หญิงอาการหนักกว่าผู้ชาย บางทีควรจะใส่ไซส์ L แต่กลับซื้อไซส์ S เข้ารูปเสียนี่ คนขายลำบากใจนะจะบอกให้ ...........คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 7

last update: Dec , 27-2009
ปายอีกหนึ่งวัน อีกหนึ่งคืนแห่งสีสัน
[โหด ฮา มันส์ แอนด์ยุ่งเหยิง]
...
ในปา

slow life in pai 6

last update: Dec , 26-2009 ...........................
เมื่อฮันนีมูนกำลังจะสิ้นสุด
ในปายมีใบไม้รูปหัวใจเยอะแยะไปหมด ที่อื่นคงมี แต่เราอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น เมื่อครู่ฉันนั่งจัดไฟล์ภาพในคอมพิวเตอร์เพื่อจัดเก็บลงฮาร์ดดิสค์ ไปเจอภาพใบไม้เหล่านี้เข้า ตอนที่เก็บข้าวของมาอยู่ปาย เป็นช่วงหน้าฝน ใบไม้ใบหญ้าเขียนชอุ่มละออตาไปหมด ฉันนึกถึงความรู้สึกของตัวเองตอนมาอยู่แรกๆ มองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด คงเหมือน "ช่วงฮันนีมูนกับปาย" อย่างที่พี่คนหนึ่งเคยแซวไว้ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 5

last update: Dec , 25-2009 ........................... คริสต์มาสและความคิดถึง :) กำลังเก็บข้าวของ ย้ายห้องอีกครั้ง ปีใหม่วันหยุดยาวนี้ ญาติมิตรมีโครงการแวะมาเยี่ยมเยือนที่ปายหลายคน ที่พักสำหรับผู้มาเยือน จึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนสำหรับฉันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้ ...คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 4

last update : Dec,24 -2009
ปอ-อะ-ยอ-ปาย
Pai = ปาย หนังสือนำเที่ยว Lonely Planet อธิบายไว้ว่า Pai: pronounced like the English word ‘bye’ not ‘pie’ หมายถึงนครเมกกะของนักเดินทาง (Traveler’s Mecca) ครั้งหนึ่งในชีวิตชาวมุสลิมแท้จริง ต้องจาริก “เมกกะ” ให้ได้สักครั้งฉันท์ใด นักเดินทางที่แท้จริงย่อมจาริก “ปาย” ให้ได้สักครั้งฉันท์นั้น
.... .............................................................
Tourist = นักท่องเที่ยว คนที่ท่องเที่ยวชั่วครั้งชั่วคราวแล้วกลับบ้าน ไปทำงาน ใช้ชีวิตตามปกติ
... ............................................ ............................................. Traveler = นักเดินทาง คนที่ไม่ทำงานทำการ เอาแต่เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ นานเป็นเดือน เป็นปี บางทีออกเดินทางท่องเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับบ้านอีกเลยก็มี บางคนแต่งงาน ปลูกบ้าน หางานทำในแหล่งท่องเที่ยวที่ตนชอบ เช่นในปาย-มีเยอะ ............คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 3

last update: Dec,23-2009 .. บางแง่มุมที่สวยงาม อย่างน้อยก็ในความรู้สึก............. [เรื่องตุบๆใต้อกเบื้องซ้าย]
พักนี้นอนดึกตื่นสาย บางทีสิบเอ็ดโมง เที่ยง ยังนอนห่มผ้านวมสองผืนเฉยเลย ตื่นมากว่าจะจัดการกาแฟกับมื้อเช้าเล็กๆ น้อยๆ ด้วยขนมนมเนยชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เตรียมไว้ ก็ปาเข้าไปบ่ายแล้วก็มี นี่แหละชีวิตในปาย เหมือนเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนก็ได้ แต่ฉันรู้สึกผิดทุกครั้งที่ตื่นสาย ...คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 2

last update: Dec , 22-2009 ........................... ด้านมืดของปาย ...หรือ'ปราย :)... [โปรดระวังปอดบวม]
....
วันนี้นั่งคุยยาวนานกับใครบางคนถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ บังเอิญว่าเมืองนี้มันดีเลย์เสมอ หรือก้าวถอยหลังอยู่เรื่อยอย่างไรไม่ทราบ ใครคนนี้ก็ดั๊นเพิ่งได้อ่านมติชนสุดสัปดาห์เล่มเก่าๆสองสามเดือนก่อน ฉบับที่ฉันเขียนถึงปายเอาไว้บ้างสักตอนสองตอน อ่านแล้วคงไม่ค่อยรู้เรื่อง จับอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ จึงยิงคำถามยากๆ ทำให้ฉันอึ้งอยู่เรื่อย ... คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 1

last update :Dec ,21-2009
วันก้าวถอยหลัง
จุดเริ่มต้นแห่งความเฉื่อย?
วันอาทิตย์ 20 ธันวาคม 2552 วันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนมานี้ ที่ฉันไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย ไม่ไปร้าน ไม่ไปไหนเลย โอ้ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลายวัน เพราะฉันมักมีเหตุต้องออกจากบ้านตลอดเวลา ....คลิกอ่านต่อ

หนังหน้าเสื่อ เทค 1

last up date : Dec, 20-2009 เบื้องหน้า เบื้องกลาง เบื้องหลัง เทศกาลหนังหน้าเสื่อ-ปาย เทค 1 ....
ในที่สุดการทดลองจัดฉายหนังกลางแปลงครั้งแรกในปาย (ของพวกเรา) ก็ลุล่วงไปด้วยดี หลังจากก่อนหน้านี้ พวกเราต่างวิ่งวุ่นช่วยกันลุ้นมาหลายวัน ทั้งทำโปสเตอร์ ซีร็อกซ์ใบปลิว ไปเดินแจกในย่านชุมชน วางในร้านอาหาร ......... ...คลิกอ่านต่อ
...

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม-ปาย "ซื้อเสื้อ แถมหนังสือได้มั้ย" ... หลายปีของชีวิตที่วนเวียนคลุกคลีอยู่ในแวดวงหนังสือหนังหา จนกลิ่นกระดาษ กลิ่นหมึกแทบจะกลายเป็นหนังกำพร้าชั้นใหม่ไปแล้ว แต่ไม่เคยเลย ที่ฉันจะต้องใช้พลังกายพลังใจอย่างมากมายมหาศาลเหมือนการทำร้านหนังสือฟรีฟอร์มในปายคราวนี้ .......คลิกอ่านต่อ ...คนอ่าน

ETin+story

คิดแบบอีตี๋นนน นนนน....นนนน ......
อีติ๋น หรืออีตี๋นขาว คือแมวดำตีนขาวตัวหนึ่งใน อ.ปาย ที่ชาวบ้านเรียกกัน อีตี๋นขาว มีชื่อจริงว่า “แองเจลล่า” เป็นชื่อที่เจ้าของมันตั้งให้ เจ้าของอีตี๋นเป็นฝรั่งตัวใหญ่ กล้ามโต มีรอยสักน่าเกรงขามเต็มแขน ฟังมาว่าเคยเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนปายหลายครั้ง ก่อนตัดสินใจพำนักแบบ long term โดยเช่าบ้านอยู่ในปายล่ำสันนานเป็นปีๆ โดยไม่มีกำหนดกลับ เจ้าของอีติ๋นมักจะร้องเรียกหามันตอนค่ำให้มากินข้าวปลาว่า “แอ่งเจ๊ลลลหล่า แอ่งเจ๊ลลลลลลลล้า ม่ำ ม่ำ ม่ำ” ............. คนอ่าน

So Proud to Present

So Proud to Present มืออาชีพ ไม่รู้จักคำว่าออกตัว :) Last update : July 18-2009 ....วันก่อน บรรณาธิการคนหนึ่งของฟรีฟอร์ม ต้องติดต่อกับนักเขียนใหญ่ชื่อดัง เธอออกตัวไว้ในจดหมายบางเรื่อง กับการเป็นบรรณาธิการมือใหม่ของเธอ พอดีเธอส่งจดหมายมาให้อ่านก่อน ฉันก็เลยตัดทิ้งไปหลายคำ ส่วนที่ตัดไปเธอไม่ว่าอะไร--แต่เธอติดใจว่าทำไมเธอจึงออกตัวบ้างไม่ได้"การออกตัวคือการถ่อมตัว ทำไมวงการนี้ต้องโชว์พราวด์ใส่กันเหรอ" เธอว่ามาอย่างนั้นฉันก็เลยต้องอธิบายให้เธอฟังยืดยาว พราวด์หรือเพราด์ของเธอมาจากภาษาอังกฤษคำนี้ Proud \ Proud\,Feeling or manifesting pride, in a good or bad sense; as:(a) Possessing or showing too great self-esteem;overrating one's excellences; hence, arrogant;haughty; lordly; presumptuous.[1913 Webster] …..คลิกอ่านต่อ

PAI--LOW SEASON, HIGH SPIRIT 1

'ปาย'ฝันที่ไม่ได้ฝัน

...กลางฤดูฝ

เมื่อคุณใช้ชีวิตบนโลกนี้มาสักช่วงหนึ่ง ผ่านพบความเป็นไปของโลกมาแล้วพอสมควร คุณจะรู้เลยว่า ชีวิตคนเรานั้นไม่ต้องการอะไรมากมาย นอกจากแค่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน แค่อยากให้ทุกอย่างอยู่ในที่ทางของมัน โดยไม่ต้องรีดเค้นจากตัวเองหรือใครให้มากมาย คลิกอ่านต่อ

............ คนอ่าน

ของมันแตกได้ , รงค์ วงษ์สวรรค์

บทรำพึง...
คิดถึงคนบางคน
ที่กำลังจิบไวน์บนฟ้า.. ภาพจาก tuneingarden.com
Last update: July,04-2009 ......................
ใครเขียนหนังสือมาบ้างจะรู้ เวลาไม่ได้เขียนอะไรนานๆ มันจะฝืด อาปุ๊-'รงค์ วงษ์สวรรค์ เคยพูดกับฉันว่า "ตอนอาหนุ่มๆ นะ อาเขียนชิบหาย คิดอะไรหน่อย เห็นอะไรหน่อย อยากเขียน แล้วก็เขียนออกมาได้มหาศาล บางทีกลับไปอ่าน ยังรู้สึกว่ามันต้องแก้ตรงนั้นแก้ตรงนี้ คือสมัยหนุ่มจะแรงดี แต่งานเขียนอาจจะไม่ค่อยดีเหมือนตอนแก่"...ฉันก็ว่า "อุ๊ย อา ยิ่งดีสิคะ ยิ่งแก่ยิ่งเขียนกระจายไปเลยสิ ดีจะตาย"แต่อาปุ๊ตอนนั้นนั่งรถเข็นมาร่วมงานหนังสือมติชนที่เชียงใหม่ตอบฉันว่า"ตอนแก่นี่ ความคิดดีๆ มันเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยมีแรงเขียนว่ะ"...คลิกอ่านต่อ.............. ......... *... ...คนอ่าน .........47 ความคิดเห็น
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................
...........................
ของมันแตกได้ ...ย่อมแตก
เคยมีสักวันหรือเปล่า ที่คุณถามตัวเองว่า "ตรูทำบ้าอะไรลงไปฟระเนี่ย" ฉันลองมานั่งนึกดู วันนี้เป็นความบ้าแห่งชีวิตฉันโดยแท้จริง ---แล้วมันก็ทำให้ฉันนอนไม่หลับอีกต่างหาก บอกตัวเองแล้ว--ต้องท่องคำว่า "ช่างแม่ง!" --- ให้ขึ้นใจ แล้วเอ็งจะมีชีวิตบนโลกนี้อย่างมีความสุข เอาเข้าจริง มันก็ "ช่างแม่ง" ไม่ได้ทุกทีหรอก..........คนอ่าน

โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ - หวงเยวี่ยน

น้ำตาแชมป์โลก... โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์
Last update : June,10-2009
เมื่อคืนก่อน (June,7-2009) มีการถ่ายทอดสดแข่งขันเทนนิสรอบชิงชนะเลิศ French Open 2009 ประชันฝีมือชั้นเทพระหว่างโรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ กับ โรบิน โซเดอร์ลิง นักเทนนิสดาวรุ่งมือวางอันดับ 23 จากสวีเดน รอบนี้ ถึงแม้จะพ่ายแพ้เฟดเดอเรอร์ แต่โซเดอร์ลิงก็เลื่อนพรวดข้ามชั้นมาเป็นมือวางอันดับ 12 ของโลกแล้วตอนนี้ ใครนั่งดูอยู่เหมือนกันล่ะก็..เราอาจจะรู้สึกเหมือนกันนะ ว่ามันเป็นการดูการแข่งขันเทนนิสที่สนุก ระทึกใจเป็นที่สุด จนแทบไม่อยากจะลุกหนีจากหน้าจอไปไหน แม้กระทั่งจะลุกไปเข้าห้องน้ำ....... คนอ่าน
.................................................
..............................................................
................................................................ ............
อีกวันหนึ่งกับหวงเยวี่ยน และอื่นๆ อีกมากมาย “ระเบิดแห่งความสุข” ถูกจุดขึ้นตอนบ่ายสองกว่าๆ ของวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม ในซอยทองหล่อ 10 ณ ร้านหนังสือบุ๊คมาร์คของ The Third Place เราจึงเชื่อว่ามิตรภาพจากคนแปลกหน้าสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้จริง ซึ่งเป็นงานเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุด”ผู้ชายเหมือนระเบิด” จากฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ..... คนอ่าน

ฉันฝันว่าฉันฝัน

I I Dreamed a Dream ซูซาน บอยล์ ฉันฝันถึงความฝันในวารวันที่ผ่านเลย ยามที่เคยวาดหวังไว้ยิ่งใหญ่ ยามที่ชีวิตยังมีความหมาย ผนึกต่อลมหายใจในกายา ฉันเคยฝันว่าความรักนั้นไม่เคยตาย ฉันเคยฝันว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ยังเมตตา เมื่อครั้งที่ฉันเยาว์และหาญกล้า..ฉันปั้นฝันนั้นมาแล้วทิ้งไป ...

วันชาติชาวหนอน

แล้วเราก็เจอกัน ในวันชาติของชาวหนอน ปีนี้ฟรีฟอร์มเพิ่งมีบูธเป็นของตัวเอง หลังจากที่ไปฝากบูธอื่นขายมาหลายรอบ บูธเราเป็นบูธเล็กๆ ขนาดสองคูณสามเมตร ที่ทางผู้จัดงานใช้พลาสติกใสๆ มากั้นเป็นล็อกๆ ให้เราใช้วางหนังสือจำหน่ายในงาน บูธเล็กขนาดนี้ต้องใช้เวลาจัดอยู่ตั้งหลายชั่วโมง............คนอ่าน

สิ่งที่เรียนรุ้

............ บ
สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากวันนี้ พวกเราทีมงานฟรีฟอร์ม อยู่โยงเฝ้าออฟฟิศกันดึกดื่นเพื่อเก็บงานหนังสือชุดสุดท้ายส่งโรงพิมพ์ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง
...
ช่วงนี้ ฉันออนเอ็มเอสเอ็นเกือบทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่ค่อยได้คุยกับใคร นอกจากส่งลิงค์ ส่งไฟล์งาน ให้คนทำกราฟิคที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน (ซะงั้น) บางคนเข้ามาคุยด้วย แต่ไม่ได้คุยตอบ ก็งอนกันไปหลายราย...คนอ่าน

...................
.................

รักเธอ กอดคนอื่น

สิบปีล่วงแล้ว....รักเธอ....กอดคนอื่น ถ้อยคำที่ผู้คนมักเข้าใจผิด!.ถ้าคุณค้นหาคำว่า"รักเธอ.กอดคนอื่น"ในกูเกิ้ล.มันจะมีมากกว่า.172,000.ลิงค์-ปุจฉาวิสัชนา.ว่าด้วยไม่รักก็กอดไม่ลง?ได้กอดทุกคนที่รัก?รักทุกคนที่กอด?--เอ๊.ยังไง?.. คนอ่าน

Bird in the tree

นกบนกิ่งโมก ยามบ่ายในฤดูฝนอบอ้าวนัก ฉันตัดสินใจอาบน้ำอีกรอบแล้วนอนหลับเสียให้เข็ด การนอนนอกจากจะเป็นการพักผ่อนดีที่สุดแล้ว.มันยังเป็นการ‘หนี’ทุกอย่างได้ดีที่สุด... ...คนอ่าน

pooh

แค่อยากรู้ เธอยังไม่ลืมฉัน.ภาพมิตรภาพแสนซื่อ.ขณะพิกเล็ทเดินตามหมีพูห์ต้อยๆ.รอยเท้าคู่เล็กๆ.ย่ำไปบนหิมะ.เคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทาง.เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

The Road Not Taken

ว่าด้วยวิธีเดินทางในเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนเดิน.:).ยามใดที่ชีวิตต้องมีเรื่องให้คิดถึงบทกวีบทนี้.สิ่งที่รบกวนจิตใจฉันเสมอก็คือ“ชื่อ”ของบทกวีบทนี้...ฉันมักสงสัยว่าทำไมโรเบิร์ต.ฟรอสต์.จึงให้ค่ากับ“ทางที่ไม่ได้เลือก”ถึงเพียงนี้…ชื่อของมันน่าจะเป็น...

drink

คุณดื่มวงการไหน?.เราคบกัน คุยกัน กินดื่มด้วยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้างบางที ตามความรู้ความสามารถ ตามกำลังที่มี เท่าที่รู้เท่าที่เห็น หลายสิบชีวิตในวงการนักเขียนที่ฉันคลุกคลี ล้วนแล้วแต่มี..

HNY 2007

สิ่งที่ชีวิตน้อยๆ.ของข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในรอบปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมการอ่านของมนุษย์ออนไลน์นั้นไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่เลยค่ะ อาจเป็นเพราะชินกับการอ่านของฟรีมากไป จนไม่รู้สึกว่าต้อง"จ่าย"อะไร.แม้แต่คำทักทายกันสักคำ

Sriburapa

บ่ายวันหนึ่งในบ้านศรีบูรพา..เรื่องบางเรื่องในโลกเรา บางทีก็แปลกดี ฉันเพิ่งตอบคำถาม นิตยสารไฮคลาส ไปเมื่อไม่นานนี่เอง เกี่ยวกับนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้...คนสัมภาษณ์ถามฉันว่า ...

paradise lost

PARADISE LOST:จิมมี่ เลี่ยว.พาราไดส์.ลอสต์-เป็นเรื่องราวมิตรภาพความผูกพันของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตจำนวนหนึ่ง (จะเรียกว่าคนก็กะไร เพราะบางอย่างก็เหมือนจะไม่ใช่)มารวมตัวกันอยู่ในดินแดนหนึ่ง ที่ซึ่งพวกเขาทุกคนล้วนเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่ละชีวิตมีปมด้อย มีบาดแผล มีความพิการ มีความบกพร่อง จนทำให้โลกภายนอกปฏิเสธพวกเขา แต่ในดินแดนพาราไดส์ลอสต์แห่งนี้ ทุกชีวิตมีอิสระเสรี เพราะมีผู้ที่เข้าใจ [คลิกอ่านต่อ]

เขียน เขียน และเขียนต่อไปเถิด

เขียน...เขียน...และเขียนต่อไปเถิด.เมื่อวานรื้อกรุสมบัติที่บ้าน.เจอเศษกระดาษเหลืองกรอบแผ่นหนึ่ง.เป็นชิ้นส่วนที่ฉีกออกมาจากนิตยสาร.Writer’s.Digest.ปี 1991 ว้าว!ฉันเก็บเจ้าเศษกระดาษชิ้นนี้มาสิบแปดปีแล้วหรือนี่... คนอ่าน

Kylie X Tour2008

ช้านร้ากเธอ...ไคลี่ มิน็อกซ์ la ..la..lala บันทึกหลังควันจางๆ จากข้างเวทีไคลี่เอ็กซ์ Kylie X 2008 World tour live in Bangkok 23 Nov.2008 อิมแพค เมืองทอง.. ...คนอ่าน

Poomsaron

ภูมิซรอล อ่านว่า พูม-สะ-รอน -เพลงใหม่คาราวาน จากอัลบั้ม โลกร้อนคนละลาย 2 คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา คนข้างเคียงชวนไปชม "คอนเสิร์ต คาราวาน โลกร้อนคนละลาย ครั้งที่ 2"...คนอ่าน

ban jim party

อำนาจนักอ่าน,อภินิหาริย์เจ๊ดัน:). เมื่อทีมงานนิตยสารฟรีฟอร์ม.ร่วมมือร่วมใจกันปิดร้านสรรพรสเพื่อเลี้ยงขอบคุณ"พี่เจี๊ยบ"กฤติยา.กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการหอศิลป์.Jim Thompson Art Center พร้อมทีมงาน

dream

คนล้าฝัน...คนล่าฝัน.ส่งหนังสือเข้าโรงพิมพ์แล้ว.จึงถือเก็บกวาดหน้าจอ.เจอภาพแปลกๆ.ภาพนี้เป็นบรรยากาศช่วงปิดเล่ม.จะเห็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของกองบก.นิตยสารฟรีฟอร์มนั่นคือการได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันตอนตีสี่

friday club

รัฐธรรมนูญห้าศูนย์&กีตาร์ห้าสาย& มหาวิทยาลัยวันศุกร์.ที่นั่งประจำของชมรมเราฯ.คับคั่งด้วยแขกเหรื่อแมนล้วนเต็มโต๊ะ.เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากรั้วจามจุรีและท่าพระจันทร์.ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ไชยันต์.ไชยพร,อาจารย์วีระ.สมบูรณ์,อาจารย์แซม ฯลฯ

perfectionist

วันเซ็งๆ.และเพอร์เฟ็คท์ชั่นนิสต์ผมม้า? เซ็งเป็ดมากค่ะ เลยนั่งดูโฆษณาพาเพลิน โฆษณาเดี๋ยวนี้เขาทำดีมากนะ ได้ยินมาว่าบางคนหาเงินจากการทำโฆษณาเพื่อเอาไปทำหนังไทย.เจ๊งค่ะเจ๊ง.

Gen X-Gen Y

โทษที!.วันนี้ คุณวาดการ์ตูนแล้วหรือยัง?.สองวัน ใช้กระดาษขาวหมดไปแล้วยี่สิบสองแผ่น ไม่อยากเลยเชื่อว่าจะต้องมานั่งหัดวาดการ์ตูนกับเขาล่วย.. ...คนอ่าน

.................
................
...........................
............................
.............................................................................
.........................................................
........................................
...................................................
..........
................ .
บันทึกใบไม้...หากมีเวลาคอยเฝ้าดูนานพอ เราจะเห็นใบไม้ร่วงจากคาคบอย่างเงียบกริบ หล่นร่วงลงทอดตัวนิ่งสนิทแนบชิดผืนหญ้า สิ่งที่เป็นของเราก็คือไม้ยืนต้นไร้ใบกับใบไม้ร่วงอยู่บนผืนหญ้า... ...คนอ่าน