i love u --jacob--ยาขอบ

ฉันรักยาขอบ
ลงชื่อ 'ปราย พันแสง :)
Last update : 04 March 2009
............
หลายวันมานี้ ฉันมีอันหลับๆ ตื่นๆ
ฝันถึงนักเขียนนามอุโฆษที่ชื่อ "ยาขอบ" อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
...
เรื่องของเรื่องก็เนื่องจากว่าเมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา ฉันและทีมงานสำนักพิมพ์ฟรีฟอร์ม ได้ช่วยกันพยายามทุกหนทาง ในการติดต่อกับ.คุณประกายพฤกษ์ ศรุตานนท์.เจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือของยาขอบปัจจุบันนี้ เพื่อขออนุญาตนำผลงานของยาขอบ--นักเขียนในดวงใจของฉัน มาจัดพิมพ์ซ้ำ
..
[ทำไมคุณประกายพฤกษ์ จึงกลายมาเป็นทายาทผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานของยาขอบเกือบทั้งหมด แทนที่จะเป็นคุณมานะ แพร่พันธุ์ ลูกชายแท้ๆ ของยาขอบนั้น---คนเก่าๆ บางท่านอาจจะพอทราบมาบ้าง แต่บางท่านที่ยังไม่ทราบ--เอาไว้ถ้ามีโอกาสฉันจะเล่าในภายหลังอีกที]
..
กว่าจะได้เจอตัวคุณประกายพฤกษ์จริงๆ
ก็เล่นเอาเหงื่อตกไปหลายรอบ
........
การที่เราได้มีโอกาสจัดพิมพ์ผลงานของยาขอบครั้งนี้ ต้องขอบคุณพี่เต้ย--บูรพา อารัมภีร (บุตรชายของครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร) ที่ช่วยเป็นธุระจัดหาและอำนวยความสะดวกให้ กระทั่งพวกเราได้ไปนั่งคุยกับคุณประกายพฤกษ์ที่บ้านในซอยสาธรจนสำเร็จ
....
คุณประกายพฤกษ์ขอบคุณพวกเราที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาหา
รวมทั้งเห็นดีเห็นงาม
อนุญาตให้เราจัดพิมพ์งานชุดนี้สมความตั้งใจ
หรืออยากพิมพ์เล่มอื่นของยาขอบเล่มไหนอีก--ท่านให้บอกมาเลย---ท่านให้เรา!
...
ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังไม่เจอตัวคุณประกายพฤกษ์และกำลังตามหา--มีคนบอกว่าเราบ้าหรือเปล่าที่ทำเช่นนั้น-- เราไม่จำเป็นต้องลำบากลำบนเช่นนั้นก็ได้ เพราะสำนักพิมพ์ทั่วไป เมื่ออยากพิมพ์งานนักเขียนเก่าๆ เหล่านี้ออกมาเขาก็พิมพ์กันเลย --ไม่แจ้งใคร [ถ้าใครกำลังคิดจะทำ ขอเตือนว่า--อย่าเสี่ยงกับเรื่องยุ่งๆ ที่อาจจะตามมาทีหลังเลยค่ะ--- ตอนนี้ บางคนที่ทำไปแล้วก็อาจยุ่งยาก หรือกำลังจะยุ่งยากอยู่เหมือนกัน--เท่าที่ฟังมานะ)
......
เราอาจจะบ้านะ
แต่ถ้ามันไม่สุดวิสัย ถ้าเราสามารถทำได้
เราก็สบายใจที่ได้ทำให้มันถูกต้องที่สุด--เท่าที่เราจะสามารถทำได้
...
ฉันคิดว่า การที่เราเขียนหนังสือ ทำหนังสือ---ก็เพื่อจรรโลงสิ่งดีงาม เพื่อความรู้ เพื่อสิ่งใดก็ตามแต่ ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนแล้วแต่เพื่อ ย ก ร ะ ดั บ จิ ต ใ จ ม นุ ษ ย์ ให้สูงขึ้นทั้งสิ้น
....
หากเราผู้สร้างสรรค์หนังสือเหล่านั้น กลับประพฤติตัวเลวทราม ทำตัวราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ที่ปราศจากสำนึกเรื่องจริยธรรมจรรยาทั้งหลายเสียแล้ว ตัวหนังสือมากมายก่ายกองที่ขีดเขียนออกไป ก็คงไม่ต่างอะไรกับการแสดงจำอวดเอาไว้หลอกลวงคน--ก็เท่านั้น
...
มันไม่มีค่าอะไรหรอกนะ
...
ฉัน"ถือ"เรื่องนี้ว่าสำคัญ
ฉันคิดว่า---ถ้าเราอยากให้คนอื่นปฎิบัติต่อเราเช่นไร
เราก็ควรปฎิบัติเช่นนั้นออกไปต่อผู้อื่นด้วยเช่นกัน
นั่นเป็นความตั้งใจ
..
สำหรับเรื่องของ "ยาขอบ"
หลังจากที่ขออนุญาติสำเร็จแล้ว
ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
แต่เรื่องก็ยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้น
...
ความที่ฉันเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดพิมพ์ผลงานของยาขอบในครั้งนี้ เมื่อทีมงานจัดทำทุกอย่างจนพร้อมส่งพิมพ์เพื่อให้ออกทันงานสัปดาห์หนังสือที่จะมีขึ้นในปลายเดือนหน้านี้แล้ว จึงต้องเป็นหน้าที่ฉัน ที่ต้องตรวจตรางานชุดนี้ทั้งหมด ก่อนส่งพิมพ์
....
กว่าจะส่งพิมพ์ได้สำเร็จ ก็ทำให้หลายวันที่ผ่านมาของฉัน มี "ยาขอบ" อยู่ในมวลอากาศที่ต้องสูดเข้าสูดออกทุกลมหายใจอยู่เกือบสองสัปดาห์เต็มๆ
...
ฉันจำไม่ได้ว่า ได้อ่าน "จดหมายรักยาขอบ" และ "สินในหมึก" ทั้งสองเล่มนี้มากี่รอบแล้ว รู้แต่ว่าอ่านเมื่อไหร่ ฉันก็ยังรู้สึกมหัศจรรย์ใจในฝีมือการเขียนที่เลิศล้ำเหนือมนุษย์มนาของนักเขียนท่านนี้อยู่ทุกครั้งทุกครา หลายปีที่ผ่านมา ฉันได้อ่านหนังสือทั้งสองเล่มนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
...
แต่ขอสารภาพว่าไม่มีครั้งไหนเลย
ที่ฉันจะรู้สึกปีติ อิ่มอกอิ่มใจได้เหมือนครั้งนี้
....
หลายร้อยแผ่นกระดาษที่พลิกเปิด
แผ่นแล้วแผ่นเล่า
หน้าแล้วหน้าเล่า
จนกระทั่งปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือลง
...เมื่อตอนใกล้รุ่ง
...
ฉันก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองมีหยาดน้ำตาไหลซึมออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่...
ไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด
มันเป็นน้ำตาแห่งความอิ่มใจอย่างประหลาดแท้...
............
.........
..............
..
"การเขียนหนังสือซึ่งใครๆ ก็ชมว่าเก่งนั้น
กลายเป็นคราวเคราะห์อย่างหนึ่ง
ในคราวที่เอาหัวใจรักของตนจริงๆ ออกมาเขียน
ฉันรักคุณด้วยความไม่ชำนาญ
เพราะความซื่อสัตย์และจริงจังในเรื่องนั้น
หาใช่ความชำนาญของฉันไม่"
..
..
"ฉันมิได้รักผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นยอดรักของฉัน
ด้วยความที่เขาไม่เคยถูกใครรักเลย
ฉันถือภาษิตที่ว่า
"เป็นความผิดของดอกไม้หรือที่ถูกแมลงภู่ตอม
ไม่เป็นการยุติธรรมแก่การมองผู้หญิง
ด้วยการสืบเสาะว่าเขาเคยรักใคร
และใครเคยรักเขามาแต่ก่อน"
ความยุติธรรมควรมีเพียงเมื่อเขารักเรา
ได้ซื่อตรงสมกับที่เรารักเขาอย่างขายชีวิตหรือไม่
ฉันยืนยันคตินี้ และบอกถึงความจริงใจว่า
ถ้าฉันมาเจอะคุณเมื่อมีลูกแล้ว 5 คน
ฉันก็จะรักคุณในเวลาที่คุณมีลูกแล้ว 5 คนนั้น
ฉันไม่รู้สึกสำคัญในอดีต
สำคัญแต่ปัจจุบันและอนาคตว่า
คุณรักฉันจริงจังเท่านั้นเอง"
......
..









รัก"อย่างร้อนๆ"ของยาขอบ
แอ้มไม่ได้ เอื้อมไม่ถึง
แต่หวานเจี๊ยบ...บ....บ
*หมายเหตุ "แอ้มไม่ได้ เอื้อมไม่ถึง"
คัดบางส่วนจากพ็อคเก็ตบุ๊ค "จดหมายรัก'ปราย พันแสง"
....
"ขอให้หย่าเมียไวๆ ขอให้ได้แต่งงานกับเด็กสาวเอ๊าะๆ สมใจ "ได้ยินใครบอกใครอย่างนี้ เราคงสงสัยว่าต่อมศีลธรรมในตัวคนพูดคงชำรุดเสียหายเอาการอยู่
...
แต่ถ้าใครเคยได้อ่านหนังสือ"จดหมายรักยาขอบ"อาจต้องคิดใหม่ เพราะตัวคุณเองอาจเป็นคนเอ่ยถ้อยคำล่อแหลมเหล่านี้เสียเอง--เหมือนฉัน
...
ธรรมดาของนักเขียน นักประพันธ์ ถ้าเจอคู่เขียนจดหมายรักตอบโต้ที่คู่ควรแล้ว จดหมายรักของพวกเขามักจะสวยงามบรรเจิดเพริศแพร้ว มีเสน่ห์ชวนอ่านชวนหลงใหล มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ไม่น้อยไปกว่างานเขียนประเภทอื่นเลย
...
ในงานเขียนชื่อ "เรื่องไม่เป็นเรื่อง"ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารปิยมิตรรายสัปดาห์ ยาขอบเขียนไว้ว่า
"จดหมายรักมีตั้งปี๊บ จะจุดอารมณ์ให้คุขึ้นด้วยไฟสวาท อ่านเรื่อยมาทีละราย จนมาพบรายที่ข้าพเจ้าอายุ 32 ปี และเธอเพิ่ง 20 กำลังสะพรั่ง ด้วยแตกเนื้อสาวได้พบยอดรักอีกครั้ง หลังจากสิบปีก่อนที่บังอาจรักผู้หญิงที่แก่กว่าเมื่ออายุ 22.."
....
สาว "เพิ่ง 20" ที่ว่านี้ก็คือ พนิดา ภูมิศิริทัต ส่วนผู้หญิงแก่กว่าที่ยาขอบพูดถึงนั้น ฉันเข้าใจว่าเป็นคนเดียวกับที่ยาขอบเอ่ยถึงในจดหมายรักฉบับหนึ่งของเขาว่า
...
"ทำไมคนแก่ซึ่งได้พบสิ่งที่เรียกว่าความรัก คือมีเมียมาแล้ว ทำไมจึงมีความรู้สึกราวกับเป็นหนุ่มอีก ฉันคิดว่าเป็นเรื่องของคนดัดจริตและทำเป็นฝรั่งเกินไปในเวลานั้น"
.........
"แต่เดี๋ยวนี้ เมื่อมาถึงตัวเองบ้างจึงเข้าใจ ฉันเคยมีเมียมาแล้ว ฉันเคยอยู่กับผู้หญิงที่ฉันรักที่สุดในครั้งหนึ่งคือ "พี่เมีย" ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีความรักอย่างร้อนๆ ในใจฉันอีก เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเข้าใจผิด"
...
รักที่สุดคือ "พี่เมีย" นี่นะ-ร้ายไหม
...
จดหมายรักระหว่างนักประพันธ์เอกผู้รุ่งโรจน์ประจำยุคสมัยอย่าง "ยาขอบ" กับนักเรียนการประพันธ์สาวสวยอย่าง "พนิดา" มีสีสันบรรเจิดใจจริงๆ คู่นี้มีความรักในการเขียนหนังสือเหมือนกัน
....
ความรักที่มีต่อกัน ความอ่อนไหว ความละเอียด ละเมียดละไม ต่อความรู้สึกนึกฝันของตน ประกอบความจัดเจนในการ"ถ่ายหัวใจ"ออกมาเป็นตัวอักษร จึงทำให้จดหมายรักระหว่างเขา-เธอเพริดแพร้วพรรณรายเป็นอย่างยิ่ง
....
ฉันอ่าน “จดหมายรักยาขอบ” ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน
จำได้ว่า เกือบตายแน่ะ กับถ้อยคำหวานคมในหนังสือเล่นเอาฉันหายใจไม่ออก ต้องออกไปสูดอากาศพักหายใจอยู่หลายหน เมื่ออ่านจบชีวิตฉันก็เปลี่ยนไปด้วยการชงกาแฟไม่เติมน้ำตาลอยู่เป็นเดือนๆ เชียวละคุณ
...
นอกจากได้เจอ "คู่เขียนที่คู่ควร" แล้ว เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้จดหมายรักของยาขอบ-พนิดา รุ่มร้อนเร้าใจน่าติดตามคงจะเป็นเพราะอุปสรรคความรักใหญ่หลวงที่คู่รักคู่นี้ต้องเผชิญเรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า "ใช่ว่าดอกฟ้าทุกดอกจะโน้มกิ่งลงมาให้หมาวัดเด็ดชมสำเร็จทุกรายไปนี่นา"
...
ตอนลุ้นว่าจะเด็ดได้-ไม่ได้นี่แหละ ที่เร้าใจนัก
...
ในจดหมายที่ยาขอบเขียนถึงพนิดา มักจะแฝงความรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยน้อยค่า ขณะที่เห็นว่าฝ่ายหญิงนั้นสูงส่งสุดเอื้อมตลอดเวลา คราวหนึ่ง...
ยาขอบถึงขนาดใช้สำนวนว่า "ฉันเป็นคนชั่วช้าที่รักคุณ" กับพนิดาเลยทีเดียว
...
ไม่แน่ใจนักวาเป็นแค่ "สำนวน" เพื่อแสดงความยกย่องฝ่ายหญิงเท่านั้นหรือไร เพราะเท่าที่อ่านเบื้องหน้าเบื้องหลังชีวิตยาขอบในช่วงนี้ ฉันไม่ค่อยรู้สึกว่าเขาเป็น "หมาวัด" เท่าไหร่นัก เนื่องว่ามีเกียรติยศชื่อเสียง มีศักดิ์ศรีของเขาพอตัวอยู่
...
ดังในจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งยาขอบวาดฝันถึงอนาคตที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับพนิดาว่า เขาจะเริ่มออมเงินจากเงินเดือน และเงินจากการเขียนหนังสือ "ผู้ชนะสิบทิศ" เพื่อสร้างเรือนหอ "กระท่อมสัปรังเคหลังหนึ่ง ซึ่งพอจะอยู่ได้อย่างน้อยก็สักปีสองปี จนกว่าจะหาดีๆ อยู่ใหม่"
...
ยาขอบจะตั้งชื่อเรือนหอหลังนี้ติดไว้ตรงทางเข้าบ้านว่า "กระท่อมผู้ชนะ"
...
ยาขอบเขียนบอกพนิดาว่า "คนคงคิดว่า ฉันตั้งชื่อมันจากเรื่องที่ทำเงินให้แก่ฉัน แต่ความจริงไม่ใช่ ฉันหมายถึงเจ้าของกระท่อมนั้นได้ชนะสิ่งหนึ่งซึ่งร้อนอยู่ในดวงใจเขาเอง"
...
ทั้งยังพูดถึงความสำเร็จในงานเขียนตัวเองให้พนิดาฟังในจดหมายอีกฉบับว่า "ฉันคุยได้อย่างไม่กระดากปาก หรือกลัวใครว่าโม้เลย ไม่มีนักเขียนในเมืองไทยที่ถือการเขียนเป็นอาชีพจริงจังจะทำตัวหนังสือให้เป็นเงินได้ในระยะนี้เหมือนฉันเลย"
...
ส่วนอีกฉบับก็บอกว่า
"ฉันเขียนหนังสือถึงดา ได้ตัวหนังสือรวดเร็วจนประหลาด เดี๋ยวหน้า เดี๋ยวหน้า ถ้าแต่งเรื่องรวดเร็วอย่างนี้รวยตาย"
...
นั่นแสดงว่ายาขอบประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ในเส้นทางนักเขียนของยุคนั้นแล้ว ชื่อดังออกอย่างนั้น จะต่ำต้อยได้อย่างไร หากจะต่ำต้อยอยู่บ้าง คงเป็นเพราะว่ายามนั้นยาขอบมีภรรยาแล้วมากกว่า
...
ไม่ใช่คนเดียว แต่ภรรยามีอยู่แล้วถึง 4 คน!
...
ไม่ได้เขียนผิด-ไม่ได้นับผิด
...
ตอนจีบพนิดา ยาขอบมีเมียอยู่แล้ว 4 คนจริงๆ
...
พนิดาเองทั้งรู้อยู่เต็มอก แต่ก็มีใจให้หนุ่ม 32 เมีย 4 คนนี้อยู่ดี เธอเคยฉะอ้อนถามยาขอบว่า
"รู้ไหมคะ ทำไมดิฉันจึงรักคุณ"
...
ยาขอบได้ยินคำถามนี้ก็เป็นอึ้งไปเหมือนกัน เขาบอกกับคนอ่านว่า
"เราไม่ใช่คนรูปสวยรวยทรัพย์ หาคำตอบไม่พบว่า เหตุไฉนไยเธอจึงมารักเรา จึงตอบอย่างโง่ที่สุด แต่เป็นจริงที่สุดคือไม่ทราบ"
...
พนิดาตอบมาว่า "ถ้างั้นขอให้ทราบ" แล้วเธอก็เอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นว่า "
เมียมีอยู่ด้วยกันเดี๋ยวนี้ถึง 4 คน ยังมาเกี้ยวเขาได้นะใจคอ...ฉันรักคุณเพราะฉันไม่รักตัวเองไงคะ"
...
อ่านคำเธอแล้วอยากกัดลิ้นตัวเองตายคาหนังสือเลยเชียว
...
"ฉันรักคุณเพราะฉันไม่รักตัวเอง"

นี่นะ! เจ็บจริงๆ
...
อันที่จริงเธอคงไม่ได้ใช้สมองคิดหรอก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ "คนเราเลือกคนที่เราตกหลุมรักไม่ได้นี่นา" แม่นางเอกในหนังเรื่อง The Love Letter ของปีเตอร์ ชาน เคยพูดไว้อย่างนั้น
...
ด้วยเหตุฉะนี้ Love Affair ของยาขอบกับพนิดาจึงต้องหลบๆ ซ่อนๆ เจอหน้ากันก็ต้องซ่อนความในใจ ไม่สามารถคุยกันหรือควงคู่กันไปไหนอย่างเปิดเผยได้เหมือนคู่รักอื่นๆ
....
จดหมายเกือบทุกฉบับที่ทั้งสองเขียนถึงกัน จึงล้วนเอ่ยอิงถึงอุปสรรครักใหญ่หลวง แถมเป็นปัญหาโลกแตกทั้งสิ้น เรื่องลูกเมียของฝ่ายชายบ้างละ เรื่องสายตาของสังคมที่จับจ้องอยู่บ้างละ
.....
ผู้หญิงสมัยนั้นลองมามีความรักผิดรูปรอยแบบนี้ ทั้งเธอยังเป็นสาวสวยสาวสังคมจ๋าอีกด้วย คงต้องเจอแรงกดดันสาหัสเอาการทีเดียว
...
จดหมายรักของเขา-เธอบางฉบับจึงรันทดท้อห่อเหี่ยว แต่ด้วยแรงรักล้นที่มีต่อกัน บางฉบับจึงฮึดขึ้นมาหวัง หวานๆ ไหวๆ ต่อกันอีกได้
...
คนอ่านน่ะสิ ซวยไป เพราะอ่านๆ ไปใจมันจะขาดเอาให้ได้
...
รักของเขา-เธอผิดศีลธรรมไหม ผู้ที่ได้อ่านทุกคนคงตอบได้พร้อมเพรียงว่าผิดแน่ ยิ่งฝ่ายชายสัญญิงสัญญากับฝ่ายหญิงว่าจะเลิกร้างกับภรรยาเพื่อมาแต่งงานใหม่กับเธอ นั่นก็ยิ่งน่าตกใจ
....
แต่เมื่อเห็นความรักที่ทั้งสองแสดง่อกันในจดหมายเหล่านี้แล้วเชื่อว่าคนอ่านทั้งหลาย คงต้องเอาใจช่วยเชียร์ให้ทั้งคู่ได้สมรักสมหวังในรักนี้ให้ได้
....
ในการเอาใจช่วยเชียร์ จึงอาจจะมีคำพูดชวนตระหนกที่ว่า"ขอให้หย่าเมียไวๆ ขอให้ได้มาแต่งงานกับสาวเอ๊าะๆ" หลุดปะปนออกมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้
....
ด้วยเหตุที่เป็นรักล่อแหลมต่อศีลธรรมอันดี ด้วยความอัดอั้นจากสายตาของสังคม คงด้วยอุปสรรคเหล่านี้เองจึงทำให้ความรักความปรารถนาทั้งหมดทั้งมวลที่ยาขอบกับพนิดามีต่อกัน จึงหลั่งไหลถ่ายเทจากก้นบึ้งใจ กลายเป็นตัวหนังสือในจดหมายรักลึกซึ้งจนหมดจดหมดใจ
...
เป็นถ้อยคำของความรู้สึกลึกซึ้ง มีพลังแรงล้น
ขนาดทำให้ผู้คนที่ได้อ่าน
สามารถหัวเราะหรือร่ำไห้ไปกับจดหมาย
ได้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว






.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

...................................................................

"ความรู้สึกที่เข้าไปจับแน่นในดวงใจนี้
ก็คือ ปีเท่าปีเท่าที่ได้คลุกคลี
กับสำนักพิมพ์รายวันมาหลายแห่ง
ข้าพเจ้าก็ได้พบเห็นกระดาษชนิดหนึ่งมามากมายเต็มที
เป็นกระดาษที่กองบรรณาธิการ ได้รับมาเก็บไว้
พอเป็นตั้งสูงๆ ก่อความเกะกะให้มากเข้าทุกที
แล้วก็เอาทิ้งตะกร้าเสียทีหนึ่ง นี่คือกระดาษที่บรรจุนวนิยายเรื่องสั้น
บ้างไม่สั้นบ้าง ซึ่งผ่านการอ่านคร่าวๆ แล้วว่า
คุณค่ายังไม่เข้าถึงมาตรฐาน ที่สำนักพิมพ์นั้นปรารถนา"
...
"การปฏิบัติต่อกระดาษเหล่านี้เช่นนี้
เป็นเรื่องจำเป็นจำใจที่หนังสือพิมพ์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เพราะถ้าไม่ทำดังนั้น
ภายในระยะสองสามปีสำนักพิมพ์ก็จะต้องหา
ห้องใหม่ ซึ่งจะต้องใหญ่กว่า
จะบรรจุกองบรรณาธิการทั้งกอง
ไว้เป็นห้องเก็บต้นฉบับ
ที่ไม่อาจพิมพ์ลงไป
ในหน้าหนังสือพิมพ์ได้เหล่านี้"
.........
"จากกระดาษที่ถูกโยนผลุงลงไปในตะกร้านี้เอง
ก็ทำให้หลับตาเห็นบุคคลจำพวกหนึ่ง
ซึ่งมีแทรกแซงอยู่ทั่วทุกสารทิศ
ไม่ว่าจะเป็นเหนือหรือใต้ของเมืองไทย
ไม่ว่าจะหนาวจัดหรือร้อนจัดเกินไป
ไม่ว่าจะดึกดื่นค่อนคืน
และจะเป็นจังหวัดที่มีไฟฟ้าอำนวยความสว่างให้หรือไม่ก็ตาม
แต่บุคคลเหล่านี้ก็ยังหลังขดหลังแข็งฝักใฝ่อยู่กับสิ่งที่ตัวรัก
โดยมิได้คำนึงความร้อนหนาวเกินไป
หรือความขมุกขมัวประการใดเลย"
......
"บุคคลประเภทนี้นั่งหลังขดหลังแข็งจดจ่ออยู่กับสิ่งเดียว
คือการประดิษฐ์คิดร้อยกรองตัวอักษรให้ออกมาเป็นเรื่องเป็นราว
แล้วก็หวังไปฝันไปว่าเรื่องราวที่ตัวประดิษฐ์คิดแต่งขึ้นนั้น
คงจะสบอัธยาศัยของผู้ที่ได้อ่าน
ซึ่งโดยลักษณะการนั้นเขาก็ย่อมจะได้รับความชื่นใจ
มาเป็นเครื่องบำรุงหัวใจของตนเอง"
....
"ข้าพเจ้าหลับตาเห็นความหมั่นหมาย
ของเจ้าของกระดาษที่ถูกทิ้งตะกร้าว่าเป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้นทุกคราวที่เห็นกองกระดาษเหล่านี้
ถูกกวาดลงไปสู่ตะกร้า
จึงสุดแสนที่จะเจ็บปวดในใจแทน"
...
"ด้วยประการฉะนี้ ข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนเลว
ในเรื่องขี้เกียจเขียนจดหมายติดต่อกับใครๆ ในทางกิจการอย่างที่สุด
ก็จำต้องทรมานความรู้สึกของตัวเอง
นั่งลงตอบจดหมายของผู้ที่รักและริเริ่มการประพันธ์
ซึ่งถามไถ่ถึงการแต่งหนังสืออยู่เนืองๆ"
....
"จนกล่าวได้ว่าบัดนี้ข้าพเจ้าได้ตอบจดหมาย
ของมิตรที่ไม่รู้จักหน้าจำพวกนี้ไปแล้วไม่น้อยกว่า 500 ฉบับ
การนั่งหลังขดหลังแข็งเพื่อทำสิ่งที่ส่งไปให้เขาโยนลงตะกร้า
ก็เป็นไม้เรียวของความอำมหิต
ที่โลกได้ให้แก่ผู้รักและริเป็นนักประพันธ์อยู่แล้ว
ข้าพเจ้าไม่อาจระงับความเห็นอกเห็นใจบุคคลจำพวกนี้
จึงต้องตอบจดหมายไปปลุกปลอบ
และบางทีก็แนะนำไปตามทีตามเกิด"
...
"ก็จดหมายที่เขียนเพื่อการปลุกปลอบมิให้คนท้อแท้เสียกำลังใจนั้น
จะเขียนกันบรรทัดสองบรรทัดได้เมื่อไรเล่า
และทั้งที่ต้องเขียนยาวอยู่แล้ว
แต่จะให้เขียนยาวจนจุใจความ
ที่อยากแนะนำเป็นแต่ละรายบุคคลนั้นย่อมเหลือวิสัย"
...
"จึงมีทางเลือกเดียวก็แต่เขียนถึงสิ่งที่ตนสำคัญว่า
จะมีประโยชน์ออกไปให้แพร่หลายเสียในคราวเดียว
คือผ่านการเป็นตัวพิมพ์ออกมา
“สินในหมึก” จึงเกิดขึ้นดังนี้"
......
"การจดปากกาลงไปในสิ่งที่ตนเองพรั่นพรึงอย่างยิ่ง
แต่ก็ยังฝืนทำมันออกมา ก็เพราะความเห็นอกเห็นใจ
ในเพื่อนผู้มารักศิลปะอันเดียวกันดังนี้
และชะรอยเป็นกุศลที่วิชาชีพทางประพันธ์
จะคลี่คลายขยายตัวออกไปในแผ่นดินไทยเบื้องหน้าอย่างหนึ่ง
“สินในหมึก”ที่เขียนลงในประชามิตรด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึงนั้น
จวบจนบัดนี้ก็ยังมิได้ยินเสียงถุยน้ำลายใส่ข้าพเจ้าเลย สาธุ"



สินในหมึก
ภาค 1



1.

พนิดาของฉัน
คุณรู้ไหม ว่าการน้อยใจแล้วตีโพยตีพายของผู้หญิงน่ะ ฉันคุ้นเสียจนชอบแอบหัวเราะ แต่เจ้าสิ่งนี้เมื่อมาปรากฏที่คุณ ฉันมิได้หัวเราะเลย ได้สงบงันไปเพราะความตื่นเต้นและเต็มตื้นด้วยความปีติอย่างหาที่เปรียบมิได้ทีเดียว ความน้อยใจของพนิดาเป็น “บทเรียนด้วยของจริง” อันมีค่าสูงแก่ความรู้สึกของมนุษย์ผู้ชอบล้อโลกเป็นอันมาก

...

ทั้งการตีโพยตีพายนั้นเล่า ก็ชั่งเป็นการตีที่ถูกจุดอ่อนของฉันอย่างจังที่สุด เป็นการตีถูกชนิดที่ฉันไม่เคยถูกใครตีเช่นนั้นมาก่อนเลย อภินิหารของถ้อยคำนี่ชั่งมหัศจรรย์จริงหนอ สามารถทำให้หัวใจคนฉ่ำชื่นทั้งๆ กำลังถูกเชือดชำแหละอยู่ที่ตรงหัวใจนั้นเอง

ถูกอย่างที่คุณคิดแล้ว แม่ดวงจันทร์ในน้ำของฉัน ที่ว่าความเป็นผัวจริงจังของผู้ชายอย่างฉันก็คือความตายเข้าไปค่อนชีวิตของกุลสตรี ฉันรู้จักตัวฉันเองดีนัก และนี่ก็คือการตีถูกจังที่สุด จึงขอสนับสนุนการตีโพยตีพายประโยคนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจทีเดียว

แต่ถึงจะสนับสนุนในเชิงรับผิด ฉันก็ไม่ขออภัยในความผิดอันเป็นเหตุแห่งการตีโพยตีพายของคุณ ฉันจะทำอย่างไรให้กับการตกลงใจที่พอใจเสียแล้ว ฉันจะล้อโลกให้ถึงที่สุด เพื่อจะดูสิว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร

และถ้าเสียท่าก็จะโยนความผิดพลาดในชั่วชีวิตนี้ให้แก่คำสาปของพรหม พนิดาจึงมีสิทธิ์ที่จะตีโพยตีพายได้ต่อไปตลอดกาลที่คุณยังมีความอดทน


ส่วนความน้อยเนื้อต่ำใจนั้น ยอดรักของฉันย่อมรู้ว่าฉันรับผิดชอบง่ายก็ต่อเมื่อฉันแน่ใจว่าตัวเองทำผิด เพราะฉะนั้นในกรณีซึ่งก่อให้พนิดาเกิดความน้อยใจนี้ มหาโจรใจอ่อนของคุณจะไม่ยอมรับผิดเป็นอันขาด

จริงอยู่แม้ว่าจะเคยฟังปรารภมาหลายครั้ง และทั้งในระยะนี้ก็ยังจะต้องรับว่ายิ่งได้ยินถี่เข้า แต่ฉันก็ไม่มีโอกาสได้รู้ถึงความประสงค์แท้จริงเบื้องหลังการพูดถึงบ่อยๆ ของคุณนั้นเลย

ขอให้พิจารณาอย่างยุติธรรมเถิด ฉันเดินมาแต่หนไหน หรือมีแว่นทิพย์อันใดอยู่ในมือเล่าจึงจะได้ลอดรู้เข้าไปถึงส่วนลึกแห่งห้องหัวใจของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเคราะห์กรรมดลเธอมิให้หยุดรักชายชั่วคนหนึ่งได้ แต่เธอก็สุดแสนจะเปิดหน้าออกมาสู้กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางหยามหยันทั้งหลายได้

ดังนั้นความน้อยใจจึงบันดาลให้เธอระบายถ้อยคำที่มีชีวิตออกมาว่า “เลิกบ้าที่ไปนั่งหวังช่วยโจรใจเพชรให้เป็นคนดีเสียที ฉันจึงเกิดต้องการแรงกล้าที่จะแต่งงานกับการแต่งหนังสือ เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวในโลกแท้ๆ ที่คุณมีให้ฉันระลึกถึงได้ โดยไม่ต้องนึกแช่งด่าตัวเองควบไปด้วย” อนิจจา ฉันไม่รู้เลยว่าระยะนี้ที่พนิดาเซ้าซี้ถึงเรื่องนี้ยิ่งขึ้น ก็ด้วยได้กำหนดความปรารถนาไว้เช่นนี้เอง

นี่ฉันทำบาปใหญ่ไว้กับดวงใจเยาวมิตรที่ดีที่สุดในชีวิตและมีวิธีเดียวที่จะลดบาปอันนี้ได้ ก็ด้วยต้องพูดในเรื่องที่ฉันกระดากใจไม่อยากพูดฉะนั้นหรือ?

ฉันเกลียดทุกคนที่ถามฉันถึงหลักเกณฑ์วิธีแต่งหนังสือ แม้ว่าผู้ถามนั้นๆ จะน่าสนับสนุนเพราะเหตุมีใจมาจดจ่อในงานที่ฉันรักก็ตาม ฉันเกลียดเพราะข้อถามชนิดนี้เท่ากับต้อนให้ฉันออกไปยืนในที่ที่จะได้รับความอับอาย และได้ยินแต่เสียงถุยน้ำลาย

อาชีพของฉันคือการเขียนหนังสือ ชีวิตฉันแขวนอยู่กับการแต่งหนังสือ แต่ถ้าจะพูดถึงวิธีทำก็มีความอัดอั้นตันใจ ไม่ใช่ไม่มีวิธีทำ จะบอกว่าไม่มีนั้นไม่ได้ ขืนพูดเช่นนั้นตัวหนังสือที่ฉันเขียนไว้ก็จะลุกขึ้นมาเต้นปรักปรำว่าฉันเป็นคนโกหกกลางเมือง

วิธีและหลักเกณฑ์น่ะมี แต่ทีนี้กลัวว่าถ้าเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์ของท่านผู้รู้ หลักซึ่งได้จากความไม่รู้หลักของฉันก็จะกลายเป็นฟองสบู่ไป

อันที่จริงหลักเกณฑ์ในการประพันธ์นั้นเห็นสาธยายกันไว้หลายต่อหลายรายแล้ว แต่ท่านนั้นๆ เป็นผู้รู้ทรงคุณวุฒิอันดีฝ่ายการหนังสือ ท่านจึงสามารถแยกแยะชั้นเชิงของการประพันธ์โดยลำดับหลักเกณฑ์ว่า อะไรก่อนอะไรหลังได้แม่นยำตามวิวัฒนาการแห่งวิชาอักษรศาสตร์

ส่วนฉันนั้นนอกเสียจากจะเรียกตัวเองว่าผู้รู้ในเชิงอักษรศาสตร์ไม่ได้แล้ว เพื่อความบริสุทธิ์แก่ใจแห่งตนก็ซ้ำจะต้องเน้นให้แน่ตระหนักลงไปอีกว่า ตนยังต่ำต้อยในวิชาการอันนี้อยู่จริงๆ

แต่ถ้าเผอิญจะมีสักสิ่งหนึ่งที่พอจะหนุนใจตนเองให้ถึงกับกล้าเขยิบขึ้นมาพูดเรื่องขีดๆ เขียน ๆ โดยทำนองแนะนำแก่ผู้ริเริ่มบ้างแล้ว เจ้าสิ่งนั้นก็ต้องเป็นความที่ตนเองได้ทำฝากไว้เป็นอย่างแปลกประหลาดอยู่บ้างสำหรับวงแคบแห่งการประพันธ์นวนิยายของเมืองไทย นับแต่อดีตมาจนปัจจุบัน

แต่ถึงแม้จะมีงานทำไว้แล้วสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ฉันก็ยังอดพรั่นพรึงเสียมิได้ เมื่อจะต้องชี้แจงถึงหลักเกณฑ์ที่กุศลได้บันดาลให้ตัวได้พบเห็นเอง


แต่ถึงจะหวาดหวั่นพรั่นพรึงเพียงไร บัดนี้ก็เข้าที่คับขัน จำต้องกัดฟันทำใจกล้าพูดถึงสิ่งที่ไม่เคยเต็มใจจะบอกเล่าแก่ใครออกไป เพราะยอดหญิงของฉันตัดรอนฉันแล้ว เขาจะแต่งงานกับการแต่งหนังสือ ฉันก็มีทางแต่จะพยายามทำหน้าชื่นอวยชัยให้พรเขา แล้วก็แอบเอาจูบลอบเหน็บหลังการแต่งหนังสือหรือขอเรียกว่ายอดรักคนใหม่ของเขาไป

โอ้ ผู้หญิงคนนี้จะใจแข็งสักเพียงไหนหนอ เขาจะระลึกถึงฉันบ้างไหมหนอ เมื่อหัวใจเขาได้ถูกจูบอยู่ทุกคราวที่มือเขาจับงานประพันธ์


ฉันจะปลุกปั้นพนิดาให้เป็นนักประพันธ์มีชื่อให้จนได้ จะพยายามทุกวิถีทางที่ฉันนึกว่าจะช่วยให้คุณบรรลุความสำเร็จในงานประเภทนี้ เพราะในความสำเร็จของพนิดานี้เอง ผู้ชายที่ถูกปักหน้าตราชื่อว่าเป็นโจรก็จะได้นอนหลับสนิทอยู่ในดวงหทัยของราชินีองค์หนึ่งแห่งโลกการประพันธ์เมืองไทย








คนอ่าน

space 10

space 10

space 06

space 06

space 05

space 05

space 04

space 04

space 02

space 02

slow life in pai 23

ปายไม่มีแจ็คพ็อต! ช้าๆ นะช้าๆ ไม่ต้องรีบล่าแต้ม :) หลายปีมานี้มีหนังสือนำเที่ยวปายตีพิมพ์ออกมาหลายเล่ม เราจะพบคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของปาย ไม่ว่าจะเป็น กองแลน น้ำตกหมอแปง หมู่บ้านจีนยูนนาน ฯลฯ อันที่จริง ถ้าหาทางมาถึงปายจนได้แล้ว ที่เหลือก็ไปต่อเองสบายๆ แล้ว เพราะ เมืองปายมันเล็กนิดเดียว มาถึงวันแรกวันเดียวก็เที่ยวได้เกือบทะลุปรุโปร่งแล้ว .คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 22 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,18-2010.... เมฆบางๆ ใจเบาๆ นั่งเรือเก่าๆ ข้ามฝั่งแม่น้ำโขง ...เบิ่งลาว หลายคืนวันในเชียงคาน จากการได้อาศัยกินอยู่ซุกหัวนอนและเที่ยวเตร็ดเตร่ไปตามซอกเล็กซอกน้อยริมโขง ก่อนจะกลับเข้ารังนอนของแต่ละวัน เราจะต้องมานั่งๆ นอนๆ ยืนๆ สูดลมเย็นริมแม่น้ำโขง มองดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับลงตรงที่ภูเขาและแม่น้ำจรดกัน

slow life in pai 21 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,17-2010
ค่ายนักเขียนน้อยเชียงคาน ฉันไม่แน่ใจหรอกว่า การสอน"เขียนหนังสือ"นั้น มันจะได้ผลแค่ไหน และมันสอนกันได้อย่างไรแน่ ทฤษฎีการเขียนนั้นมีอยู่มากหลาย แต่มีกี่คนที่ใช้ได้ผล ที่สำคัญ ไอ้ที่เราเขียนเองนั่นน่ะ มันดีแล้วหรือ จึงสะเออะไปสอนคนอื่นเขา :) การสอนเรื่องการเขียนสำหรับฉัน มันมีคำถามมากมายอย่างนั้นแหละ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 20 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,16-2010 หวิวไม่หวิว :) ฉันเป็นโรคประหลาด คือเวลาไปเที่ยวไหน จะไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเขาเท่าไหร่ อย่างตอนไปปารีส ก็ไม่ได้เคยนึกว่าจะต้องไปดูหอไอเฟล หรือจะต้องขึ้นไปบนนั้นให้ได้ เหมือนกับตอนที่ไปพิพิภัณฑ์ลูฟว์ครั้งแรกในชีวิต ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปต่อคิวดูภาพโมนาลิซ่ากับเขาแต่อย่างใด คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 19 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,17-2010 เถ้าแก่ลาว และยามเช้าริมแม่น้ำโขง เถ้าแก่ลาวเป็นชื่อเกสต์เฮาส์เล็กๆ ในเชียงคานที่เราได้มีโอกาสแวะไปพักอีกแห่งหนึ่ง โดยดูจาก "หลังบ้าน" ก่อนจะวิ่งมาดูหน้าบ้านอีกเช่นกัน เกสต์เฮาส์แห่งนี้ มีห้องพักอยู่เพียงสามสี่ห้อง ห้องสวยที่สุดอยู่บนชั้น 2 มีระเบียงส่วนตัวชมแม่น้ำโขงที่สวยเลิศ คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 18 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,15-2010 ของกินริมโขง มากมายมากมี.งานเขียนของ"น้องหมิว หมูหวาน"เรณุมาศ พลพันธ์ นักเรียนชั้นม.5/2 โรงเรียนเชียงคาน น้องหมิวเป็นนักเรียนสังกัดค่ายอบรมนักเขียนน้อยสีชมพูของ'ปราย พันแสงนั่นเองล่ะค่ะ ขอโปรโมทนิดนึงนะ เพราะน้องเค้าเขียนได้น่ารักน่าแซ่บมากจริงๆ เสียดายลืมถ่ายรูปส้มตำเชียงคานมาประกอบเรื่องด้วย แต่เอาน่า แค่ตัวหนังสืออย่างเดียวก้อ "น้ำลายแตก" แบบที่น้องเค้าว่าเหมือนกัน คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 17 from Chiangkan to Pai Madam

last update : Feb,14-2010 เรื่องรักในเชียงคาน เมื่อราตรีประดับดาวและหยาดน้ำตา ในความคิดถึงของมาดามวารินชำราบ "มีเพลงหนึ่งนะ ที่พี่ชอบมาก แต่เปิดฟังอีกไม่ได้เลยหลังจากอาเสีย" เป็นคำเอื้อนเอ่ยแบบปัจจุบันทันด่วนของ "พี่ติ๋ม"สุมาลี วงษ์สวรรค์ เธอคือ"มาดามวารินชำราบ"ตัวละครที่นักอ่านไทยแสนจะคุ้นเคย ในฐานะภรรยาของพญาอินทรีแห่งสวนอักษรที่เพิ่งโบยบินจากเราไปจิบไวน์อยู่บนฟ้า ...'รงค์ วงษ์สวรรค์ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 16 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,13-2010 เชียงคาน เมืองไม้เก่าชายโขง อดีตที่คล้ายไม่ยอมผ่านไปง่ายๆ แต่ก็จะไม่ยอมหวนคืนมาให้ทั้งหมด.ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมคนถ่ายภาพไม่เป็น ฉันชอบความรู้สึกตอนที่กำลังถ่ายภาพอยู่ในเชียงคานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนยืนอยู่บนถนนชายโขงที่ว่างเปล่า ไม่มีผู้คนเดินอยู่เลยแม้แต่คนเดียว วันนั้นฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา มันเป็นยามเช้าของวันจันทร์อันเงียบกริบ เงียบจนฉันได้ยินเสียงหายใจตัวเอง............ .. คนอ่าน

slow life in pai 15 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,12-2010 รักลาว รักเลย กลับปาย :)."รักลาว รักเลย กลับปาย" เป็นข้อความที่ฉันพิมพ์ใส่ไว้ในจอ msn ตั้งแต่เมื่อวาน ...คิดไว้เหมือนกัน ว่าพาดหัวตัวไม้ไว้แบบนี้ คงมีข้อความแปลกๆ ส่งเข้ามาหาอยู่บ้าง แต่บางข้อความ ต้องยอมรับว่า เหนือความคาดหมาย เช่นว่า "ตกลงไม่รักปายแล้วหรือพี่" ....คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 14

last update: Feb,12-2010 อันหัวใจคนเรา นั้นเท่ากลีบมะเฟือง :) .. เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นด้วยอาการกระแอมกระไอระคายคอเล็กน้อย เหตุคงมาจากเมื่อค่ำวานนั่นปะไร มิใช่อื่น ... เรื่องของเรื่องคือ นั่งทำผมอยู่ดีๆ ไฟฟ้าดันดับพรึ่บซะงั้น อยากจะขำว่ะ อยากจะหัวเราะดังๆจริงว้อยยยยยยยยย (กรรมเวร... ขำชาวบ้านเขาเอาไว้เยอะ)แต่มันไม่ค่อยขำ ไม่ฮาเอาเลยแฮะ เพราะเมื่อวานคิดว่าจะกลับบ้านเร็ว ...เลยไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวติดมือไปด้วย...........คลิกอ่านต่อ ... 8

slow life in pai 12

last update : Jan 24-2010 The World We live in. .การอยู่อาศัยบนดาวเคราะห์ดวงนี้ คุณต้องเข้าใจด้วยว่า ... 1.โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณคนเดียว อย่าเวอร์ 2."ความเห็นก็เหมือนตูด ใครๆ ก็มี" บางทีทัศนคติของคุณก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก เก็บๆ ไว้หน่อยก็ได้ ฝีมือ ความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ สำคัญกับโลกนี้มากกว่าลมปาก 3.บางคนได้คืบจะเอาศอก ถ้าโลกนี้ไม่เคยขาดแคลนเผด็จการเลย ก็ไม่ต้องแปลกใจ 4.ไม่มีอะไรสำคัญกับชีวิตเกินกว่าจะปล่อยมันไป คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 11

last update: Jan 15-2010เที่ยวเมืองน้อย อีกซอกมุมเล็กๆ น้อยๆ ของปาย ..เช้านี้พวกเราสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ เพราะเรามีกำหนดออกเดินทางไปเที่ยวเมืองน้อยกัน โดยนัดเจอกันที่หน้าร้านตอนแปดโมงเช้า ฉันตั้งเวลาปลุกไว้ 7 โมงเช้า แต่กว่าจะลุกออกจากที่นอนไปอาบน้ำอาบท่าได้ ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงครึ่ง กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็แปดโมงพอดี แต่กระนั้น ฉันใช้เวลาขี่จักรยานออกจากบ้านไปยังจุดนัดหมายของเราโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นเอง ปายก็น่ารักน่าอยู่อย่างนี้แหละ เมืองมันเล็กนิดเดียว ไปไหนมาไหน ก็ใช้เวลาแค่นิดเดียวเท่านั้น .......คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 10

last update : Jan,12-2010 ปาย : ไม่ได้แปลว่าบังเอิญ วันนี้เรามีลูกค้าคนสำคัญคือน้องออม เป็นนักร้องบอสซ่าสาวเสียงสวยอีกคนของเมืองปาย เธอร้องประจำร้านในปายหลายที่ แถมยังเป็นลูกค้าขาประจำร้านหนังสือฟรีฟอร์มของเราด้วย เธอแวะมาซื้อหนังสืออ่านบ่อยๆ จนสนิทสนมคุ้นเคยกับคนที่ร้านเราเป็นอย่างดี คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 9

last update :jan, 11-2010
ปีใหม่วันที่ 11 :) ... แผนลับอัพบล็อกแตกโพละไปหลายวัน หายจ้อยไปดื้อๆ เสียอย่างนั้น เจ้าของบล็อกก็มิได้นิ่งนอนใจ รู้สึกผิดอยู่ทุกวั้น ทุกวัน เพราะประจานตัวเองเอาไว้บนหน้าบล็อกอย่างโจ่งแจ้งเสียอย่างนั้น ก่อนปีใหม่หลังปีใหม่ปีนี้ ชีวิตวุ่นวายหลายเรื่อง ที่กินเวลาแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของชีวิตคือเรื่องร้านหนังสือ ส่วนอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องการขายของ จัดของ สั่งของ เท่านี้ก็หมดไปแล้วสิบเอ็ดวัน คลิกอ่านต่อ.....

slow life in pai 8

last update: Dec , 28-2009 ........................... 15 เรื่องที่คนขายเสื้อยืดรู้ดี [แต่คนทำหนังสือนี่สิคงไม่ค่อยรู้!:] 1.ผู้คนส่วนใหญ่มักจะซื้อเสื้อยืดที่มีขนาดเล็กกว่าที่ตัวเองจะสวมใส่ได้ประมาณ หนึ่งไซส์อยู่เรื่อยๆ ..2.ผู้หญิงอาการหนักกว่าผู้ชาย บางทีควรจะใส่ไซส์ L แต่กลับซื้อไซส์ S เข้ารูปเสียนี่ คนขายลำบากใจนะจะบอกให้ ...........คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 7

last update: Dec , 27-2009
ปายอีกหนึ่งวัน อีกหนึ่งคืนแห่งสีสัน
[โหด ฮา มันส์ แอนด์ยุ่งเหยิง]
...
ในปา

slow life in pai 6

last update: Dec , 26-2009 ...........................
เมื่อฮันนีมูนกำลังจะสิ้นสุด
ในปายมีใบไม้รูปหัวใจเยอะแยะไปหมด ที่อื่นคงมี แต่เราอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น เมื่อครู่ฉันนั่งจัดไฟล์ภาพในคอมพิวเตอร์เพื่อจัดเก็บลงฮาร์ดดิสค์ ไปเจอภาพใบไม้เหล่านี้เข้า ตอนที่เก็บข้าวของมาอยู่ปาย เป็นช่วงหน้าฝน ใบไม้ใบหญ้าเขียนชอุ่มละออตาไปหมด ฉันนึกถึงความรู้สึกของตัวเองตอนมาอยู่แรกๆ มองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด คงเหมือน "ช่วงฮันนีมูนกับปาย" อย่างที่พี่คนหนึ่งเคยแซวไว้ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 5

last update: Dec , 25-2009 ........................... คริสต์มาสและความคิดถึง :) กำลังเก็บข้าวของ ย้ายห้องอีกครั้ง ปีใหม่วันหยุดยาวนี้ ญาติมิตรมีโครงการแวะมาเยี่ยมเยือนที่ปายหลายคน ที่พักสำหรับผู้มาเยือน จึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนสำหรับฉันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้ ...คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 4

last update : Dec,24 -2009
ปอ-อะ-ยอ-ปาย
Pai = ปาย หนังสือนำเที่ยว Lonely Planet อธิบายไว้ว่า Pai: pronounced like the English word ‘bye’ not ‘pie’ หมายถึงนครเมกกะของนักเดินทาง (Traveler’s Mecca) ครั้งหนึ่งในชีวิตชาวมุสลิมแท้จริง ต้องจาริก “เมกกะ” ให้ได้สักครั้งฉันท์ใด นักเดินทางที่แท้จริงย่อมจาริก “ปาย” ให้ได้สักครั้งฉันท์นั้น
.... .............................................................
Tourist = นักท่องเที่ยว คนที่ท่องเที่ยวชั่วครั้งชั่วคราวแล้วกลับบ้าน ไปทำงาน ใช้ชีวิตตามปกติ
... ............................................ ............................................. Traveler = นักเดินทาง คนที่ไม่ทำงานทำการ เอาแต่เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ นานเป็นเดือน เป็นปี บางทีออกเดินทางท่องเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับบ้านอีกเลยก็มี บางคนแต่งงาน ปลูกบ้าน หางานทำในแหล่งท่องเที่ยวที่ตนชอบ เช่นในปาย-มีเยอะ ............คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 3

last update: Dec,23-2009 .. บางแง่มุมที่สวยงาม อย่างน้อยก็ในความรู้สึก............. [เรื่องตุบๆใต้อกเบื้องซ้าย]
พักนี้นอนดึกตื่นสาย บางทีสิบเอ็ดโมง เที่ยง ยังนอนห่มผ้านวมสองผืนเฉยเลย ตื่นมากว่าจะจัดการกาแฟกับมื้อเช้าเล็กๆ น้อยๆ ด้วยขนมนมเนยชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เตรียมไว้ ก็ปาเข้าไปบ่ายแล้วก็มี นี่แหละชีวิตในปาย เหมือนเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนก็ได้ แต่ฉันรู้สึกผิดทุกครั้งที่ตื่นสาย ...คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 2

last update: Dec , 22-2009 ........................... ด้านมืดของปาย ...หรือ'ปราย :)... [โปรดระวังปอดบวม]
....
วันนี้นั่งคุยยาวนานกับใครบางคนถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ บังเอิญว่าเมืองนี้มันดีเลย์เสมอ หรือก้าวถอยหลังอยู่เรื่อยอย่างไรไม่ทราบ ใครคนนี้ก็ดั๊นเพิ่งได้อ่านมติชนสุดสัปดาห์เล่มเก่าๆสองสามเดือนก่อน ฉบับที่ฉันเขียนถึงปายเอาไว้บ้างสักตอนสองตอน อ่านแล้วคงไม่ค่อยรู้เรื่อง จับอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ จึงยิงคำถามยากๆ ทำให้ฉันอึ้งอยู่เรื่อย ... คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 1

last update :Dec ,21-2009
วันก้าวถอยหลัง
จุดเริ่มต้นแห่งความเฉื่อย?
วันอาทิตย์ 20 ธันวาคม 2552 วันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนมานี้ ที่ฉันไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย ไม่ไปร้าน ไม่ไปไหนเลย โอ้ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลายวัน เพราะฉันมักมีเหตุต้องออกจากบ้านตลอดเวลา ....คลิกอ่านต่อ

หนังหน้าเสื่อ เทค 1

last up date : Dec, 20-2009 เบื้องหน้า เบื้องกลาง เบื้องหลัง เทศกาลหนังหน้าเสื่อ-ปาย เทค 1 ....
ในที่สุดการทดลองจัดฉายหนังกลางแปลงครั้งแรกในปาย (ของพวกเรา) ก็ลุล่วงไปด้วยดี หลังจากก่อนหน้านี้ พวกเราต่างวิ่งวุ่นช่วยกันลุ้นมาหลายวัน ทั้งทำโปสเตอร์ ซีร็อกซ์ใบปลิว ไปเดินแจกในย่านชุมชน วางในร้านอาหาร ......... ...คลิกอ่านต่อ
...

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม-ปาย "ซื้อเสื้อ แถมหนังสือได้มั้ย" ... หลายปีของชีวิตที่วนเวียนคลุกคลีอยู่ในแวดวงหนังสือหนังหา จนกลิ่นกระดาษ กลิ่นหมึกแทบจะกลายเป็นหนังกำพร้าชั้นใหม่ไปแล้ว แต่ไม่เคยเลย ที่ฉันจะต้องใช้พลังกายพลังใจอย่างมากมายมหาศาลเหมือนการทำร้านหนังสือฟรีฟอร์มในปายคราวนี้ .......คลิกอ่านต่อ ...คนอ่าน

ETin+story

คิดแบบอีตี๋นนน นนนน....นนนน ......
อีติ๋น หรืออีตี๋นขาว คือแมวดำตีนขาวตัวหนึ่งใน อ.ปาย ที่ชาวบ้านเรียกกัน อีตี๋นขาว มีชื่อจริงว่า “แองเจลล่า” เป็นชื่อที่เจ้าของมันตั้งให้ เจ้าของอีตี๋นเป็นฝรั่งตัวใหญ่ กล้ามโต มีรอยสักน่าเกรงขามเต็มแขน ฟังมาว่าเคยเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนปายหลายครั้ง ก่อนตัดสินใจพำนักแบบ long term โดยเช่าบ้านอยู่ในปายล่ำสันนานเป็นปีๆ โดยไม่มีกำหนดกลับ เจ้าของอีติ๋นมักจะร้องเรียกหามันตอนค่ำให้มากินข้าวปลาว่า “แอ่งเจ๊ลลลหล่า แอ่งเจ๊ลลลลลลลล้า ม่ำ ม่ำ ม่ำ” ............. คนอ่าน

So Proud to Present

So Proud to Present มืออาชีพ ไม่รู้จักคำว่าออกตัว :) Last update : July 18-2009 ....วันก่อน บรรณาธิการคนหนึ่งของฟรีฟอร์ม ต้องติดต่อกับนักเขียนใหญ่ชื่อดัง เธอออกตัวไว้ในจดหมายบางเรื่อง กับการเป็นบรรณาธิการมือใหม่ของเธอ พอดีเธอส่งจดหมายมาให้อ่านก่อน ฉันก็เลยตัดทิ้งไปหลายคำ ส่วนที่ตัดไปเธอไม่ว่าอะไร--แต่เธอติดใจว่าทำไมเธอจึงออกตัวบ้างไม่ได้"การออกตัวคือการถ่อมตัว ทำไมวงการนี้ต้องโชว์พราวด์ใส่กันเหรอ" เธอว่ามาอย่างนั้นฉันก็เลยต้องอธิบายให้เธอฟังยืดยาว พราวด์หรือเพราด์ของเธอมาจากภาษาอังกฤษคำนี้ Proud \ Proud\,Feeling or manifesting pride, in a good or bad sense; as:(a) Possessing or showing too great self-esteem;overrating one's excellences; hence, arrogant;haughty; lordly; presumptuous.[1913 Webster] …..คลิกอ่านต่อ

PAI--LOW SEASON, HIGH SPIRIT 1

'ปาย'ฝันที่ไม่ได้ฝัน

...กลางฤดูฝ

เมื่อคุณใช้ชีวิตบนโลกนี้มาสักช่วงหนึ่ง ผ่านพบความเป็นไปของโลกมาแล้วพอสมควร คุณจะรู้เลยว่า ชีวิตคนเรานั้นไม่ต้องการอะไรมากมาย นอกจากแค่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน แค่อยากให้ทุกอย่างอยู่ในที่ทางของมัน โดยไม่ต้องรีดเค้นจากตัวเองหรือใครให้มากมาย คลิกอ่านต่อ

............ คนอ่าน

ของมันแตกได้ , รงค์ วงษ์สวรรค์

บทรำพึง...
คิดถึงคนบางคน
ที่กำลังจิบไวน์บนฟ้า.. ภาพจาก tuneingarden.com
Last update: July,04-2009 ......................
ใครเขียนหนังสือมาบ้างจะรู้ เวลาไม่ได้เขียนอะไรนานๆ มันจะฝืด อาปุ๊-'รงค์ วงษ์สวรรค์ เคยพูดกับฉันว่า "ตอนอาหนุ่มๆ นะ อาเขียนชิบหาย คิดอะไรหน่อย เห็นอะไรหน่อย อยากเขียน แล้วก็เขียนออกมาได้มหาศาล บางทีกลับไปอ่าน ยังรู้สึกว่ามันต้องแก้ตรงนั้นแก้ตรงนี้ คือสมัยหนุ่มจะแรงดี แต่งานเขียนอาจจะไม่ค่อยดีเหมือนตอนแก่"...ฉันก็ว่า "อุ๊ย อา ยิ่งดีสิคะ ยิ่งแก่ยิ่งเขียนกระจายไปเลยสิ ดีจะตาย"แต่อาปุ๊ตอนนั้นนั่งรถเข็นมาร่วมงานหนังสือมติชนที่เชียงใหม่ตอบฉันว่า"ตอนแก่นี่ ความคิดดีๆ มันเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยมีแรงเขียนว่ะ"...คลิกอ่านต่อ.............. ......... *... ...คนอ่าน .........47 ความคิดเห็น
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................
...........................
ของมันแตกได้ ...ย่อมแตก
เคยมีสักวันหรือเปล่า ที่คุณถามตัวเองว่า "ตรูทำบ้าอะไรลงไปฟระเนี่ย" ฉันลองมานั่งนึกดู วันนี้เป็นความบ้าแห่งชีวิตฉันโดยแท้จริง ---แล้วมันก็ทำให้ฉันนอนไม่หลับอีกต่างหาก บอกตัวเองแล้ว--ต้องท่องคำว่า "ช่างแม่ง!" --- ให้ขึ้นใจ แล้วเอ็งจะมีชีวิตบนโลกนี้อย่างมีความสุข เอาเข้าจริง มันก็ "ช่างแม่ง" ไม่ได้ทุกทีหรอก..........คนอ่าน

โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ - หวงเยวี่ยน

น้ำตาแชมป์โลก... โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์
Last update : June,10-2009
เมื่อคืนก่อน (June,7-2009) มีการถ่ายทอดสดแข่งขันเทนนิสรอบชิงชนะเลิศ French Open 2009 ประชันฝีมือชั้นเทพระหว่างโรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ กับ โรบิน โซเดอร์ลิง นักเทนนิสดาวรุ่งมือวางอันดับ 23 จากสวีเดน รอบนี้ ถึงแม้จะพ่ายแพ้เฟดเดอเรอร์ แต่โซเดอร์ลิงก็เลื่อนพรวดข้ามชั้นมาเป็นมือวางอันดับ 12 ของโลกแล้วตอนนี้ ใครนั่งดูอยู่เหมือนกันล่ะก็..เราอาจจะรู้สึกเหมือนกันนะ ว่ามันเป็นการดูการแข่งขันเทนนิสที่สนุก ระทึกใจเป็นที่สุด จนแทบไม่อยากจะลุกหนีจากหน้าจอไปไหน แม้กระทั่งจะลุกไปเข้าห้องน้ำ....... คนอ่าน
.................................................
..............................................................
................................................................ ............
อีกวันหนึ่งกับหวงเยวี่ยน และอื่นๆ อีกมากมาย “ระเบิดแห่งความสุข” ถูกจุดขึ้นตอนบ่ายสองกว่าๆ ของวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม ในซอยทองหล่อ 10 ณ ร้านหนังสือบุ๊คมาร์คของ The Third Place เราจึงเชื่อว่ามิตรภาพจากคนแปลกหน้าสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้จริง ซึ่งเป็นงานเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุด”ผู้ชายเหมือนระเบิด” จากฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ..... คนอ่าน

ฉันฝันว่าฉันฝัน

I I Dreamed a Dream ซูซาน บอยล์ ฉันฝันถึงความฝันในวารวันที่ผ่านเลย ยามที่เคยวาดหวังไว้ยิ่งใหญ่ ยามที่ชีวิตยังมีความหมาย ผนึกต่อลมหายใจในกายา ฉันเคยฝันว่าความรักนั้นไม่เคยตาย ฉันเคยฝันว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ยังเมตตา เมื่อครั้งที่ฉันเยาว์และหาญกล้า..ฉันปั้นฝันนั้นมาแล้วทิ้งไป ...

วันชาติชาวหนอน

แล้วเราก็เจอกัน ในวันชาติของชาวหนอน ปีนี้ฟรีฟอร์มเพิ่งมีบูธเป็นของตัวเอง หลังจากที่ไปฝากบูธอื่นขายมาหลายรอบ บูธเราเป็นบูธเล็กๆ ขนาดสองคูณสามเมตร ที่ทางผู้จัดงานใช้พลาสติกใสๆ มากั้นเป็นล็อกๆ ให้เราใช้วางหนังสือจำหน่ายในงาน บูธเล็กขนาดนี้ต้องใช้เวลาจัดอยู่ตั้งหลายชั่วโมง............คนอ่าน

สิ่งที่เรียนรุ้

............ บ
สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากวันนี้ พวกเราทีมงานฟรีฟอร์ม อยู่โยงเฝ้าออฟฟิศกันดึกดื่นเพื่อเก็บงานหนังสือชุดสุดท้ายส่งโรงพิมพ์ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง
...
ช่วงนี้ ฉันออนเอ็มเอสเอ็นเกือบทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่ค่อยได้คุยกับใคร นอกจากส่งลิงค์ ส่งไฟล์งาน ให้คนทำกราฟิคที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน (ซะงั้น) บางคนเข้ามาคุยด้วย แต่ไม่ได้คุยตอบ ก็งอนกันไปหลายราย...คนอ่าน

...................
.................

รักเธอ กอดคนอื่น

สิบปีล่วงแล้ว....รักเธอ....กอดคนอื่น ถ้อยคำที่ผู้คนมักเข้าใจผิด!.ถ้าคุณค้นหาคำว่า"รักเธอ.กอดคนอื่น"ในกูเกิ้ล.มันจะมีมากกว่า.172,000.ลิงค์-ปุจฉาวิสัชนา.ว่าด้วยไม่รักก็กอดไม่ลง?ได้กอดทุกคนที่รัก?รักทุกคนที่กอด?--เอ๊.ยังไง?.. คนอ่าน

Bird in the tree

นกบนกิ่งโมก ยามบ่ายในฤดูฝนอบอ้าวนัก ฉันตัดสินใจอาบน้ำอีกรอบแล้วนอนหลับเสียให้เข็ด การนอนนอกจากจะเป็นการพักผ่อนดีที่สุดแล้ว.มันยังเป็นการ‘หนี’ทุกอย่างได้ดีที่สุด... ...คนอ่าน

pooh

แค่อยากรู้ เธอยังไม่ลืมฉัน.ภาพมิตรภาพแสนซื่อ.ขณะพิกเล็ทเดินตามหมีพูห์ต้อยๆ.รอยเท้าคู่เล็กๆ.ย่ำไปบนหิมะ.เคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทาง.เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

The Road Not Taken

ว่าด้วยวิธีเดินทางในเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนเดิน.:).ยามใดที่ชีวิตต้องมีเรื่องให้คิดถึงบทกวีบทนี้.สิ่งที่รบกวนจิตใจฉันเสมอก็คือ“ชื่อ”ของบทกวีบทนี้...ฉันมักสงสัยว่าทำไมโรเบิร์ต.ฟรอสต์.จึงให้ค่ากับ“ทางที่ไม่ได้เลือก”ถึงเพียงนี้…ชื่อของมันน่าจะเป็น...

drink

คุณดื่มวงการไหน?.เราคบกัน คุยกัน กินดื่มด้วยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้างบางที ตามความรู้ความสามารถ ตามกำลังที่มี เท่าที่รู้เท่าที่เห็น หลายสิบชีวิตในวงการนักเขียนที่ฉันคลุกคลี ล้วนแล้วแต่มี..

HNY 2007

สิ่งที่ชีวิตน้อยๆ.ของข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในรอบปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมการอ่านของมนุษย์ออนไลน์นั้นไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่เลยค่ะ อาจเป็นเพราะชินกับการอ่านของฟรีมากไป จนไม่รู้สึกว่าต้อง"จ่าย"อะไร.แม้แต่คำทักทายกันสักคำ

Sriburapa

บ่ายวันหนึ่งในบ้านศรีบูรพา..เรื่องบางเรื่องในโลกเรา บางทีก็แปลกดี ฉันเพิ่งตอบคำถาม นิตยสารไฮคลาส ไปเมื่อไม่นานนี่เอง เกี่ยวกับนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้...คนสัมภาษณ์ถามฉันว่า ...

paradise lost

PARADISE LOST:จิมมี่ เลี่ยว.พาราไดส์.ลอสต์-เป็นเรื่องราวมิตรภาพความผูกพันของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตจำนวนหนึ่ง (จะเรียกว่าคนก็กะไร เพราะบางอย่างก็เหมือนจะไม่ใช่)มารวมตัวกันอยู่ในดินแดนหนึ่ง ที่ซึ่งพวกเขาทุกคนล้วนเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่ละชีวิตมีปมด้อย มีบาดแผล มีความพิการ มีความบกพร่อง จนทำให้โลกภายนอกปฏิเสธพวกเขา แต่ในดินแดนพาราไดส์ลอสต์แห่งนี้ ทุกชีวิตมีอิสระเสรี เพราะมีผู้ที่เข้าใจ [คลิกอ่านต่อ]

เขียน เขียน และเขียนต่อไปเถิด

เขียน...เขียน...และเขียนต่อไปเถิด.เมื่อวานรื้อกรุสมบัติที่บ้าน.เจอเศษกระดาษเหลืองกรอบแผ่นหนึ่ง.เป็นชิ้นส่วนที่ฉีกออกมาจากนิตยสาร.Writer’s.Digest.ปี 1991 ว้าว!ฉันเก็บเจ้าเศษกระดาษชิ้นนี้มาสิบแปดปีแล้วหรือนี่... คนอ่าน

Kylie X Tour2008

ช้านร้ากเธอ...ไคลี่ มิน็อกซ์ la ..la..lala บันทึกหลังควันจางๆ จากข้างเวทีไคลี่เอ็กซ์ Kylie X 2008 World tour live in Bangkok 23 Nov.2008 อิมแพค เมืองทอง.. ...คนอ่าน

Poomsaron

ภูมิซรอล อ่านว่า พูม-สะ-รอน -เพลงใหม่คาราวาน จากอัลบั้ม โลกร้อนคนละลาย 2 คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา คนข้างเคียงชวนไปชม "คอนเสิร์ต คาราวาน โลกร้อนคนละลาย ครั้งที่ 2"...คนอ่าน

ban jim party

อำนาจนักอ่าน,อภินิหาริย์เจ๊ดัน:). เมื่อทีมงานนิตยสารฟรีฟอร์ม.ร่วมมือร่วมใจกันปิดร้านสรรพรสเพื่อเลี้ยงขอบคุณ"พี่เจี๊ยบ"กฤติยา.กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการหอศิลป์.Jim Thompson Art Center พร้อมทีมงาน

dream

คนล้าฝัน...คนล่าฝัน.ส่งหนังสือเข้าโรงพิมพ์แล้ว.จึงถือเก็บกวาดหน้าจอ.เจอภาพแปลกๆ.ภาพนี้เป็นบรรยากาศช่วงปิดเล่ม.จะเห็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของกองบก.นิตยสารฟรีฟอร์มนั่นคือการได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันตอนตีสี่

friday club

รัฐธรรมนูญห้าศูนย์&กีตาร์ห้าสาย& มหาวิทยาลัยวันศุกร์.ที่นั่งประจำของชมรมเราฯ.คับคั่งด้วยแขกเหรื่อแมนล้วนเต็มโต๊ะ.เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากรั้วจามจุรีและท่าพระจันทร์.ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ไชยันต์.ไชยพร,อาจารย์วีระ.สมบูรณ์,อาจารย์แซม ฯลฯ

perfectionist

วันเซ็งๆ.และเพอร์เฟ็คท์ชั่นนิสต์ผมม้า? เซ็งเป็ดมากค่ะ เลยนั่งดูโฆษณาพาเพลิน โฆษณาเดี๋ยวนี้เขาทำดีมากนะ ได้ยินมาว่าบางคนหาเงินจากการทำโฆษณาเพื่อเอาไปทำหนังไทย.เจ๊งค่ะเจ๊ง.

Gen X-Gen Y

โทษที!.วันนี้ คุณวาดการ์ตูนแล้วหรือยัง?.สองวัน ใช้กระดาษขาวหมดไปแล้วยี่สิบสองแผ่น ไม่อยากเลยเชื่อว่าจะต้องมานั่งหัดวาดการ์ตูนกับเขาล่วย.. ...คนอ่าน

.................
................
...........................
............................
.............................................................................
.........................................................
........................................
...................................................
..........
................ .
บันทึกใบไม้...หากมีเวลาคอยเฝ้าดูนานพอ เราจะเห็นใบไม้ร่วงจากคาคบอย่างเงียบกริบ หล่นร่วงลงทอดตัวนิ่งสนิทแนบชิดผืนหญ้า สิ่งที่เป็นของเราก็คือไม้ยืนต้นไร้ใบกับใบไม้ร่วงอยู่บนผืนหญ้า... ...คนอ่าน