The Road Not Taken

ว่าด้วยวิธีเดินทาง
ในเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนเดิน :)
ตำรับของโรเบิร์ต ฟรอสต์
......
เมื่อค่ำวาน ฉันมีโอกาสได้นั่งคุยกับคุณไมเคิล เชาวนาศัย ศิลปินตัวแสบในดวงใจอยู่หลายชั่วโมง ด้วยเรื่องนั้นเรื่องนี้ คุยกันจนเหนื่อย หัวเราะกันจนเมื่อยตับไปหลายรอบ ได้โปรเจคท์ใหม่ๆ ที่จะทำร่วมกันตลอดปีนี้อีกสองสามชิ้น
..
ก่อนแยกย้าย ฉันถามพี่เขาไปว่า"ชีวิตพี่ช่วงนี้โอเคแล้วใช่ไหม"คุณไมเคิลตอบได้คมมากว่า "พี่ก็ยังต้องพายเรืออยู่นะ เพียงแต่ว่าเราไม่ต้องออกแรงจ้วงมาก เรือมันก็เคลื่อนไปข้างหน้าได้ เพราะตอนนี้มันมีแรงน้ำไหลช่วยพยุงด้วย ไม่ต้องเหนื่อยมากเหมือนเมื่อก่อน"

ดูเหมือนว่าสิ่งที่คุณไมเคิลดูจะมีความสุขและภาคภูมิใจที่สุดเมื่อได้เอ่ยถึงก็คือครอบครัว"ตอนนี้ครอบครัวพี่เริ่มยอมรับสิ่งที่พี่ทำ ทุกคนเข้าใจแล้วว่าการที่เราเลือกเส้นทางนี้ไม่ใช่เรื่องผิด เราไม่ได้ทำเล่นๆ แต่เราเอาจริง ตั้งใจจริง สังคมก็เริ่มยอมรับ ครอบครัวเราก็มองเห็นตรงนี้ พี่แฮปปี้มาก"
...
คุณไมเคิล เชาวนาศัย กำลังจะจัดแสดงผลงานศิลปะชุดใหม่ของเธอ ที่คัดมันดูแกลเลอรี่ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
....
เอาไว้ใกล้ๆ วันจะมาแจ้งรายละเอียดแถวนี้อีกที ตอนนี้บอกล่วงหน้าได้แต่เพียงว่า ...ยังแสบอีกเหมือนเคย :) เผลอๆ อาจจะแสบกว่าทุกครั้ง เพราะเจ้าของผลงานแอบกระซิบว่า "พี่ทำงานได้เต็มที่ เพราะเจ้าของแกลเลอรี่รายนี้เขาไม่กลัวของร้อน" :)
.........................
..........................
....
...
...................................
.
ความสุขที่มีจริงและจับต้องได้ของคุณไมเคิลในวันนี้ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามปีก่อน ในงานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนเก่าโรงเรียนมัธยม
....
ในคราวนั้น ขณะที่นั่งคุยเฮฮากันอยู่ดีๆ จู่ๆ เพื่อนนักเรียนร่วมชั้นคนหนึ่งก็หันมามองหน้าฉันยิ้มๆ แล้วพูดว่า "เธอนี่ดีจังเลยนะ รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรตั้งแต่เด็ก แล้วเธอก็ทำตามความฝันของตัวเองได้หมดทุกอย่าง"
...
ฉันไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินอะไรเช่นนั้น ยังถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออกไปหลายวิฯ ก่อนจะอ้อมแอ้มบอกเพื่อนไปว่า "นี่...ชีวิตฉันไม่ได้สวยงามขนาดนั้นหรอกนะเธอ ถึงเป็นงานที่เราฝันก็เถอะ ปัญหาในการทำงานมันก็เยอะเหมือนกัน"
....
เพื่อนมัธยมทุกคนทุกกลุ่ม (รุ่นม.1-ม.3 กลุ่มหนึ่ง และรุ่น ม.4-ม.6 อีกกลุ่มหนึ่ง) ต่างรู้กันดีว่าฉันมีฝันเดียวที่แน่วแน่มาก นั่นคือความฝันเกี่ยวกับการทำหนังสือเขียนหนังสือ ประจักษ์พยานมีอยู่ในหนังสือของโรงเรียนและเฟรนด์ชิพทุกเล่ม
....
ความทรงจำของเพื่อนเก่าเหล่านี้เหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้ตั้งแต่ครั้งนั้น มันหยุดนิ่ง ไม่ได้ผุพังเน่าเปื่อยหรือเสื่อมสลายไปกับกาลเวลาที่ผ่านไปแล้วตั้งเนิ่นนาน
....
มันนานจนเราเองก็ชักจะเลือนๆ ไปบ้างแล้ว
ว่าความฝันวัยเด็กของเรานั้นเป็นเช่นไร
....
แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนเก่าของเราทุกคนจะยังจดจำเรื่องเกี่ยวกับตัวเราและความฝันของเรา ได้หมดจดคมชัดเสียยิ่งกว่าตัวเราเองเสียด้วยซ้ำ
.................................
.........................
....
วันนั้นยังเก็บคำพูดของเพื่อนกลับมาคิดตลอดทางกลับบ้าน
..........
ช่วงนั้นฉันมีปัญหาเกี่ยวกับการงานหลายเรื่องที่ต้องคิด ต้องตัดสินใจ แต่ก็ยังลงเอยกับตัวเองไม่ได้สักที ห่วงตรงนั้น พะวงตรงนี้ โน่นก็ดูดี นี่ก็เหมือนจะใช่ เลยไม่รู้จะเอาไงดี ละล้าละลังไม่ต่างอะไรเลยท่อนแรกๆในกับบทกวี The Road Not Taken ของโรเบิร์ต ฟรอสท์ บทนี้
....
ตั้งแต่ล่วงเข้าสู่วัยเลขสามเป็นต้นมา ดูเหมือนว่าการตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิตของคนเราจะยุ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตว่าเราต้องใช้เวลาคิดนานขึ้นเรื่อยๆ
...........
ความเป็นผู้ใหญ่ในความหมายหนึ่ง คงหมายถึงว่าเราไม่มีเวลาสำหรับความผิดพลาดมากมายเหมือนตอนเราเป็นเด็กอีกแล้ว
....
เราจึงไม่ค่อยหุนหันพลันแล่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
.......
แต่บางครั้งมันก็มีข้อยกเว้น และจากคำพูดของเพื่อนเก่านี่เอง ที่เป็นเหมือนมีดผ่าตัดคมๆ ฟันฉับลงทุกปมทุกห่วงที่มัดแน่นในชีวิตช่วงนั้นจนขาดกระจุย ไม่เหลืออะไรต้องติดค้างคาใจอีกต่อไป
...
นั่นสิ เมื่อคนเราเดินทางมาไกลเกินฝันแล้วตั้งเยอะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ย่อมเปรียบเสมือนกำไรชีวิตล้วนๆ
........
เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว ตัวก็เบาลงเยอะ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะ
...
เวลาในชีวิตมีเหลือน้อยลงไปทุกวัน
จะมัวไปเสียเวลากับสิ่งที่ "ไม่ใช่" อยู่ทำไมล่ะ
ใช่ไหม?
.....................
...................
...............
...
เคยเขียนเคยพูดบ่อยๆว่าชีวิตคนเราเมื่อเกิดมาแล้วก็เหมือนไก่ที่โดนเชือด เราทุกคนต่างถูกลวกน้ำร้อนถอนขนมาแล้วเรียบร้อย ขั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับเราเองนั่นแหละ ที่จะ"เลือก"ทำชีวิตให้มันเป็น"ไก่ย่าง"หรือ"ไก่เน่า" :)
...
อย่างไรก็ตามที แม้ว่าเราตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเป็นไก่ย่าง สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็ใช่ว่าจะมีแต่น้ำจิ้มอร่อยๆ รออยู่ในถ้วยเสมอไป ...ก็ฉันนั้น
.............
บางทีจะเอาน้ำจิ้มแบบหวาน หรือน้ำจิ้มแบบเผ็ด ก็ยังต้องเลือกอีกรอบจนได้ :)
.........
ชีวิตคนเรามักจะมีเรื่องให้ต้อง "เลือก" อยู่เสมอ?
...........
.......................
Two roads diverged in a yellow wood,
And sorry I could not travel both
And be one traveler, long I stood
And looked down one as far as I could
To where it bent in the undergrowth;

Then took the other, as just as fair,
And having perhaps the better claim,
Because it was grassy and wanted wear;
Though as for that the passing there
Had worn them really about the same,

And both that morning equally lay
In leaves no step had trodden black.
Oh, I kept the first for another day!
Yet knowing how way leads on to way,
I doubted if I should ever come back.

I shall be telling this with a sigh
Somewhere ages and ages hence:
Two roads diverged in a wood, and I—
I took the one less traveled by,
And that has made all the difference.


The Road Not Taken
By Robert Frost
From Mounntain Interval,1920
...........
The Road Not Taken
"ทางที่ไม่ได้เลือก"
.........
ทางสองแพร่งทอดไกลในราวป่า
เสียดายว่าฉันเลือกได้เพียงสายหนึ่ง
ต้องดุ่มเดินลำพังหวังไปถึง
ปลายทางซึ่งเลี้ยวพุ่มไม้ลับสายตา

ฉันเลือกเดินบนเส้นทางที่ต่างไป
งามเหมือนทางอีกสายแต่รกหญ้า
รอคอยผู้แผ้วถางมรรคา
เหยียบย่ำทำทางมาให้น่าดู

ทางสองสายทอดไกลใบไม้สุม
โปรยคลุมเส้นทางยามเช้าตรู่
จุดหมายนั้นฉันใดใครจะรู้
ปลายทางฤานำสู่แห่งหนใด

ฉันเก็บทางแรกไว้เดินวันหน้า
แม้นว่าได้ย้อนคืนมาเลือกใหม่
เป็นทางเดินทางใดยังแคลงใจ
มิอาจเดินคร่อมสองสายเฉกเช่นนั้น

ฉันเพียงอยากจะเล่าขาน
ถึงสถานที่แห่งวัยวุฒิและวารวัน
ในป่ามีทางสองสายให้เลือกสรร
ย้อนรำลึกครั้งนั้นฉันถอนใจ

ทางสองแพร่งเหยียดยาวในราวป่า
มิอาจรู้เลยว่าปลายทางนำสู่หนไหน
ครั้งนั้นฉันเลือกเดินบนเส้นทางรกร้างที่ไม่ค่อยมีใคร
ชีวิตจึงพลิกผันไปนับแต่นั้น!
.............
.............
...............
หลายปีมานี้ เคยเอ่ยอ้าง เคยเขียนถึง เคยแปลบทกวี The Road Not Taken เอาไว้หลายครั้ง
….
หนังสือ “พระจันทร์พันดวง” ของฉันที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อปี 2545 ก็เคยเขียนถึง The Road Not Taken เอาไว้ในนั้นถึงสองเวอร์ชั่น
….
ข้างบนเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ฉันลองแปลอีกครั้งในช่วงหลายวันมานี้
.......
นอกจากอยากทำให้มันกระชับกว่าสองเวอร์ชั่นก่อนที่เคยทำไว้แล้ว ก็เป็นเพราะว่าหลายเรื่องในชีวิตฉันช่วงนี้ทำให้ต้องคิดถึงบทกวีบทนี้อยู่บ่อยๆ
…….
ผลที่ออกมา รู้สึกว่ายังจืดชืดไปหน่อย ไม่ค่อยรู้สึกถึงสีสันสดสวยเหมือนภาษาอังกฤษต้นฉบับเขา
..
อย่างป่าเยลโลวู้ด(yellow wood)นั้น ก็ไม่รู้จะเขียนเป็นคำไทยออกมาอย่างไรถึงจะงามเท่าที่รู้สึกว่ามันงาม
….
ตามบทกวีต้นฉบับ ความรู้สึกฉันมันคือป่าสีทองอร่ามสองข้างทางที่ทอดยาวไปไกลสุดสายตา ไม่รู้ว่าปลายถนนสิ้นสุดตรงไหน เวลามองดูอะไรอย่างนั้น ใจมันคงวิบวิบไหวไหวดี

รู้สึกเหมือนกันไหม ว่าโรเบิร์ต ฟรอสต์ เขียนอะไรแบบนี้ได้ดีจังเลย มันกึ่งสุขกึ่งเศร้า กึ่งปีติ กึ่งใจหาย
………
หากยังจำได้ ใน entry ก่อนหน้านี้ ฉันเคยแปลบทกวีของโรเบิร์ต ฟรอสต์ไว้ในบล็อกนี้อีกบทหนึ่ง [ทัศนียภาพสูงต่ำล้วนผ่านตา] บทนั้นก็มี“ฉาก”เป็นภาพเปอร์สเป็คทีฟ ด้วยมุมมองระยะไกลเช่นกัน

ความรู้สึกเมื่อทอดตามองถนนสองสายที่ทอดหายไปในผืนป่า น่าจะเป็นความรู้สึกเดียวกับการป่ายปีนภูเขาสูงขึ้นไปอยู่บนยอดแล้วมองลงมายังพื้นเบิ้องล่างนั่นเอง

แต่น่าสังเกตว่า ยามใดที่ชีวิตต้องมีเรื่องให้คิดถึง The Road Not Taken สิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจฉันได้ทุกครั้งก็คือ “ชื่อ” ของบทกวี
...
ฉันมักสงสัยอยู่เสมอว่า ทำไมโรเบิร์ต ฟรอสต์ จึงตั้งชื่อว่า The Road Not Taken ทำไมเขาจึงให้ค่ากับ “ทางที่ไม่ได้เลือก” ถึงเพียงนี้

ชื่อของมันน่าจะเป็น “ทางที่เลือก” มากกว่าไหม?
….
ในบทกวี The Road Not Taken ผู้เขียนไม่ได้ระบุว่าผลของการเลือกเดินบนเส้นทางรกๆ ที่ไม่ค่อยมีคนเดินนั้นเป็นเช่นไร นอกจากบอกแต่เพียงว่าชีวิตพลิกเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น

ฉันประมาณเอาว่า จุดหมายปลายทางของมันก็คงไม่ได้สุขสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ บางที“ฉัน”ในบทกวียังอยู่แค่กลางทาง กำลังเจอเรื่องยุ่งยากมากมาย

ช่วงเวลาที่ยากลำบากนี่เอง ถนนอีกสายที่เราไม่ได้เลือก คงลอยเข้ามาในห้วงความคิด อาจจะมีสักแวบที่คิดว่า“ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ฉันเลือกอีกทางน่าจะดีกว่า”
…....
ในความยากลำบาก ในความเสียดาย“ทางที่ไม่เลือก”อาจตามมาหลอกหลอนได้เรื่อยๆ
....
The Road Not Taken กลายเป็นชื่อก็คงด้วยเหตุนี้
........
การดุ่มเดินเพียงลำพัง เสี่ยงลุยไปในเส้นทางรกร้างที่ไม่ค่อยมีใครเดิน นอกจากต้องกล้าเดิน,กล้ายอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าปลายทางจะเจอบวกหรือลบแล้ว
......
หากปลายทางนั้นเป็น“ลบ”
ยังอาจต้องอาศัยความกล้าเผชิญหน้า“ทางที่ไม่ได้เลือก”
ที่คอยตามมาหลอกหลอน
ให้เจ็บปวดเสียดายร่ำไปด้วย
..




...............
ตามเนื้อหาในบทกวี เมื่อ“ฉัน”ได้ตัดสินใจ“เลือก”เส้นทางที่มีหญ้าขึ้นรกร้าง เป็นทางที่ต้องถากถาง ไม่ค่อยมีร่องรอยคนเดิน
.........
มันดูลำบากกว่า
ดูเสี่ยงกว่าอีกทาง
แต่ “ฉัน” ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินบนเส้นทางนี้
.........
เลือกทั้งที่ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางจะเป็นเช่นไร
….
นั่นแหละ การตัดสินใจ“เลือก”ที่“เท่โคตร”ในสายตาฉัน

เหมือนจะเคยรู้มาว่าโรเบิร์ต ฟรอสต์เองก็เคยต้องเผชิญหน้ากับ“การเลือก”ครั้งสำคัญในชีวิตจริงของเขาอยู่บ้างเช่นกัน เป็นต้นว่าการต้องเลือกระหว่างอาชีพพ่อค้านักธุรกิจกับการทำงานเขียน-ใช้ชีวิตแบบศิลปินเต็มตัว
...
เขาเลือกอย่างหลัง,
ถ้านี่เป็นเรื่องจริงนะ
เท่ค่ะ ...เท่!

แต่การเลือกอะไรอย่างนั้น คงมีคนข้างหลังเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะครอบครัว เรามองกลับไปตอนนี้ดูเท่ แต่ตอนนั้นคงดูไม่ได้เลยแหละ เราไม่รู้ว่ามีใครต้องลำบากกับความเท่ครั้งนี้ของเขาบ้าง
..
บางคนที่ฉันรู้จักก็เลือกอะไรเท่ๆ อย่างนี้เหมือนกัน แต่เวลาตัวเองหรือพ่อแม่เจ็บป่วย กลับเป็นคนที่ไม่สามารถดูแลตัวเองหรือบุพพากรีได้เลย ฉันก็ว่ามันเป็นความเท่ที่เจ็บปวดขมขื่นเสียเหลือเกิน
...
หลายคนเท่น้อยกว่านี้ แต่เขาดูแลตัวเองได้ดี ดูแลพ่อแม่ ดูแลคนอื่นได้ด้วย ตามหน้าที่ของมนุษย์ที่มีความรับผิดชอบชั่วดีผู้หนึ่ง---คนเหล่านี้ก็ดูดีในสายตาฉันเช่นกัน
...
บางคนยอมละทิ้งความฝันส่วนตัว เพื่อทำสิ่งมีประโยชน์ต่อผู้อื่นที่ยิ่งใหญ่กว่า---ฉันยกมือไหว้คนเหล่านี้ได้เลย--โดยที่ไม่ต้องเจอหน้า
...
คนเราเท่กันได้หลายแบบนะ
....
อย่างไรก็ตามเถิด การตัดสินใจเลือกของโรเบิร์ต ฟรอสต์นี่เอง จึงทำให้มีบทกวีงดงามประดับโลก และประดับจิตใจเราอยู่จนทุกวันนี้

...........



สำหรับฉันในวันนี้ สิ่งที่ต้องเลือก คล้ายจะสวนทางกับการเลือกคุณปู่ฟรอสต์เล็กน้อย นั่นคือช่วงเวลานี้ ฉันอาจจะต้องผละจากเวลาทำงานเขียนหลายส่วน เพื่อไปจัดการ“ธุรกิจ”ให้มันดำเนินไปด้วยดี
..
ปีนี้"ฟรีฟอร์ม"ที่พวกเราร่วมกันก่อร่างสร้างหลักขึ้นมาเมื่อสองปีก่อน พอทรงตัวอยู่ได้บ้างแล้ว
..........
อาการทรงตัว--ลองพิจารณาจากตัวเลขตลกๆของพวกนะ--ปีแรก'49 เรารวบรวมเงินหุ้นส่วนมาลงทุนจดทะเบียนบริษัทได้หนึ่งล้านบาท ปิดบัญชีสิ้นปีมีรายได้สองล้านบาท ติดลบเกือบแสนบาท มีหนี้เครดิตการค้ายกยอดมาปีถัดไปแสนกว่าบาท
....
ฟรีฟอร์มอาจเป็นความอยากที่จับต้องได้
เป็น "ความฝัน" ที่ลูบคลำได้แล้วก็จริง
แต่"หนี้"ก็ของจริงเหมือนกัน [นะโว้ย!]
..........
ค่อยยังชั่วเมื่อเข้าสู่ปีที่สอง ปี'50 ปิดงบบัญชีประจำปี พบว่ามีกำไรคร่าวๆ [ยังไม่เป็นทางการ]ราวสามล้านบาท มีหนี้เครดิตการค้ายกยอดมาปีนี้ประมาณเกือบล้านบาท ก็ไม่เยอะหรอก [เมื่อปีที่แล้ว ฟรีฟอร์มเรารับจ้างทำหนังสือเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้กับกรีนพีซ แค่ค่าพิมพ์อย่างเดียวก็ปาเข้าไปห้าแสนบาทแล้วนะคะ]
...
ในแง่ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ตัวเลขก็ไม่น่าตกใจเท่าไหร่
แต่ก็พลาดไม่ได้!
....
ด้านผลงานสิ่งพิมพ์ของเราที่เผยแพร่ออกไป คนทำก็ปลื้มใจหลายชิ้น ด้านตัวเลขก็ไม่เลวร้ายจนเกินไปนัก ในปี2551นี้--ฟรีฟอร์มเราจึงเตรียมลุยงานสำนักพิมพ์กันอย่างเต็มที่ จึงมีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกส่วนหนึ่ง โดยเปิดขายหุ้นกับพี่ๆ เพื่อนๆ รวมถึงเพื่อนๆ ของพี่ๆ และเพื่อนๆ ของเพื่อนๆ ด้วย :)
.........
ใ....................
....
จากตัวเลข จากอะไรทั้งหลาย เราเริ่มอุ่นใจว่าฟรีฟอร์มพอจะตั้งหลักได้บ้างแล้ว แต่คงต้องทำอีกหลายอย่างเพื่อให้มันแข็งแรงและดูดี
...
จากตัวเลขบัญชี จากรายการลูกหนี้เจ้าหนี้ของเราแล้ว แม้จะมั่นใจว่าเรามีปัญญาใช้หนี้หมดแน่ๆ แต่ภาวะเศรษฐกิจบ้านเราปีนี้ก็ไม่น่าไว้วางใจเสียเลย นักเศรษฐศาสตร์และหมอดูพูดคล้ายๆกันว่ามันจะแย่ [แต่ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ คนอ่านหนังสือเยอะขึ้นนะคะ ควรดีใจไหมเนี่ย!]
...
ส่วนตัวฉันเองคิดว่า บ้านเราก็น่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย ตัวเล็กตัวน้อยอย่างเรา ระวังตัวไว้บ้างคงไม่เสียหาย
........
เมื่อปลายปีที่แล้วมีลูกค้ารายหนึ่งของบริษัทเราสร้างความยุ่งยาก ทำให้เราต้องใช้บริการบริษัทที่ปรึกษาทางกฏหมายเป็นครั้งแรก ก็ทำเอาเซ็งเป็ดไปยกหนึ่ง ตอนนี้ก็ปล่อยทนายของเราจัดการไป
......
แม้จะไม่ได้กระทบกับธุรกิจของเรานัก แต่ก็เป็นสัญญาณเล็กๆ มาแล้วว่า "ฟรีฟอร์ม"ไม่ใช่แค่ผลพวงความอยากของพวก"ฝันมาก"สี่ซ้าห้าหกคนเท่านั้น
......
แต่มันถึงเวลาที่ต้อง "เหยียบเต็มตีน"กันแล้วนะพี่น้องเอ๋ย!
.......
..........................
...
ตามนโยบาย"เหยียบเต็มตีน"ของบริษัทฯ
แผนแรกที่พวกเรานำมาใช้ในการทำงาน
คือการเกณฑ์บรรดาพวกหุ้นส่วนเจ้าของบริษัททั้งหมด
เข้าทำงานให้ทันเก้าโมงเช้าทุกวัน!
....
ฟรีฟอร์มเพิ่งประกาศรับสมัครพนักงานใหม่สองสามคน โดยพนักงานใหม่เหล่านี้ มีกฏว่าต้องเข้างานให้ทันเก้าโมงเช้า ด้วยเหตุนี้ตัวหลักของบริษัททั้งหลายจึงต้องมาให้ทันพนักงานใหม่ด้วย ไม่งั้นมันก็น่าเกลียดมั่กๆ
...
แต่การที่ต้องเกณฑ์คนเคยทำงานหามรุ่งหามค่ำเข้านอนตอนตีสี่ตีห้าเป็นประจำมานานถึงสองปีเต็มๆ ให้ตื่นขึ้นมาทำงานเก้าโมงเช้ากันเนี่ย ---มันง่ายเสียที่ไหน
....
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปได้ว่าปีนี้ “นวนิยาย” ที่ฉันตั้งใจเขียนมาหลายปี คงยังไม่มีโอกาสเสร็จเป็นรูปเล่มอย่างที่หวังอีกแล้ว
.............
นี่ก็ทำใจไว้แล้ว!
...................
..........................
......................
..
...........................
..................
ด้วยเรื่องราวชีวิตและการทำงานเป็นเช่นนี้เอง วันนี้ ...ฉันอ่านบทกวี The Road Not Taken อีกครั้งแล้วจึงรู้สึกตลกดี
...........
ลองนึกดูสิ เมื่อศตวรรษก่อน ถ้าการที่ปู่ฟรอสต์ละที้งธุรกิจเพื่อมาเขียนหนังสือ ท่านก็ว่าเป็นการเลือกเดินบนทางขรุขระหญ้ารกมากแล้วใช่ไหม?
............
ศตวรรษนี้ การที่ใครคนหนึ่งตัดสินใจ“ละ”งานเขียนหนังสือ[ชั่วคราว]เพื่อมาลุยธุรกิจอย่างจริงจังสักปีสองปี การตัดสินเลือกอะไรอย่างนี้ อาจเป็นการเดินทางบนถนนขรุขระ ต้องถากถางวัชพืชจนเหงื่อตกเหมือนกัน
..........
สงสัยเหนื่อยไม่แพ้กันหรอกนะปู่นะ!
....
.....
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2549-2551©'ปราย พันแสง
2006-2008 Copyright©'prypansang
All Rights Reserved
.
................................
................................







...คนอ่าน

space 10

space 10

space 06

space 06

space 05

space 05

space 04

space 04

space 02

space 02

slow life in pai 23

ปายไม่มีแจ็คพ็อต! ช้าๆ นะช้าๆ ไม่ต้องรีบล่าแต้ม :) หลายปีมานี้มีหนังสือนำเที่ยวปายตีพิมพ์ออกมาหลายเล่ม เราจะพบคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของปาย ไม่ว่าจะเป็น กองแลน น้ำตกหมอแปง หมู่บ้านจีนยูนนาน ฯลฯ อันที่จริง ถ้าหาทางมาถึงปายจนได้แล้ว ที่เหลือก็ไปต่อเองสบายๆ แล้ว เพราะ เมืองปายมันเล็กนิดเดียว มาถึงวันแรกวันเดียวก็เที่ยวได้เกือบทะลุปรุโปร่งแล้ว .คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 22 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,18-2010.... เมฆบางๆ ใจเบาๆ นั่งเรือเก่าๆ ข้ามฝั่งแม่น้ำโขง ...เบิ่งลาว หลายคืนวันในเชียงคาน จากการได้อาศัยกินอยู่ซุกหัวนอนและเที่ยวเตร็ดเตร่ไปตามซอกเล็กซอกน้อยริมโขง ก่อนจะกลับเข้ารังนอนของแต่ละวัน เราจะต้องมานั่งๆ นอนๆ ยืนๆ สูดลมเย็นริมแม่น้ำโขง มองดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับลงตรงที่ภูเขาและแม่น้ำจรดกัน

slow life in pai 21 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,17-2010
ค่ายนักเขียนน้อยเชียงคาน ฉันไม่แน่ใจหรอกว่า การสอน"เขียนหนังสือ"นั้น มันจะได้ผลแค่ไหน และมันสอนกันได้อย่างไรแน่ ทฤษฎีการเขียนนั้นมีอยู่มากหลาย แต่มีกี่คนที่ใช้ได้ผล ที่สำคัญ ไอ้ที่เราเขียนเองนั่นน่ะ มันดีแล้วหรือ จึงสะเออะไปสอนคนอื่นเขา :) การสอนเรื่องการเขียนสำหรับฉัน มันมีคำถามมากมายอย่างนั้นแหละ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 20 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,16-2010 หวิวไม่หวิว :) ฉันเป็นโรคประหลาด คือเวลาไปเที่ยวไหน จะไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเขาเท่าไหร่ อย่างตอนไปปารีส ก็ไม่ได้เคยนึกว่าจะต้องไปดูหอไอเฟล หรือจะต้องขึ้นไปบนนั้นให้ได้ เหมือนกับตอนที่ไปพิพิภัณฑ์ลูฟว์ครั้งแรกในชีวิต ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปต่อคิวดูภาพโมนาลิซ่ากับเขาแต่อย่างใด คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 19 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,17-2010 เถ้าแก่ลาว และยามเช้าริมแม่น้ำโขง เถ้าแก่ลาวเป็นชื่อเกสต์เฮาส์เล็กๆ ในเชียงคานที่เราได้มีโอกาสแวะไปพักอีกแห่งหนึ่ง โดยดูจาก "หลังบ้าน" ก่อนจะวิ่งมาดูหน้าบ้านอีกเช่นกัน เกสต์เฮาส์แห่งนี้ มีห้องพักอยู่เพียงสามสี่ห้อง ห้องสวยที่สุดอยู่บนชั้น 2 มีระเบียงส่วนตัวชมแม่น้ำโขงที่สวยเลิศ คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 18 from Chiangkan to Pai

last update : Feb,15-2010 ของกินริมโขง มากมายมากมี.งานเขียนของ"น้องหมิว หมูหวาน"เรณุมาศ พลพันธ์ นักเรียนชั้นม.5/2 โรงเรียนเชียงคาน น้องหมิวเป็นนักเรียนสังกัดค่ายอบรมนักเขียนน้อยสีชมพูของ'ปราย พันแสงนั่นเองล่ะค่ะ ขอโปรโมทนิดนึงนะ เพราะน้องเค้าเขียนได้น่ารักน่าแซ่บมากจริงๆ เสียดายลืมถ่ายรูปส้มตำเชียงคานมาประกอบเรื่องด้วย แต่เอาน่า แค่ตัวหนังสืออย่างเดียวก้อ "น้ำลายแตก" แบบที่น้องเค้าว่าเหมือนกัน คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 17 from Chiangkan to Pai Madam

last update : Feb,14-2010 เรื่องรักในเชียงคาน เมื่อราตรีประดับดาวและหยาดน้ำตา ในความคิดถึงของมาดามวารินชำราบ "มีเพลงหนึ่งนะ ที่พี่ชอบมาก แต่เปิดฟังอีกไม่ได้เลยหลังจากอาเสีย" เป็นคำเอื้อนเอ่ยแบบปัจจุบันทันด่วนของ "พี่ติ๋ม"สุมาลี วงษ์สวรรค์ เธอคือ"มาดามวารินชำราบ"ตัวละครที่นักอ่านไทยแสนจะคุ้นเคย ในฐานะภรรยาของพญาอินทรีแห่งสวนอักษรที่เพิ่งโบยบินจากเราไปจิบไวน์อยู่บนฟ้า ...'รงค์ วงษ์สวรรค์ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 16 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,13-2010 เชียงคาน เมืองไม้เก่าชายโขง อดีตที่คล้ายไม่ยอมผ่านไปง่ายๆ แต่ก็จะไม่ยอมหวนคืนมาให้ทั้งหมด.ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมคนถ่ายภาพไม่เป็น ฉันชอบความรู้สึกตอนที่กำลังถ่ายภาพอยู่ในเชียงคานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนยืนอยู่บนถนนชายโขงที่ว่างเปล่า ไม่มีผู้คนเดินอยู่เลยแม้แต่คนเดียว วันนั้นฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา มันเป็นยามเช้าของวันจันทร์อันเงียบกริบ เงียบจนฉันได้ยินเสียงหายใจตัวเอง............ .. คนอ่าน

slow life in pai 15 from Chiangkan to Pai

last update: Feb,12-2010 รักลาว รักเลย กลับปาย :)."รักลาว รักเลย กลับปาย" เป็นข้อความที่ฉันพิมพ์ใส่ไว้ในจอ msn ตั้งแต่เมื่อวาน ...คิดไว้เหมือนกัน ว่าพาดหัวตัวไม้ไว้แบบนี้ คงมีข้อความแปลกๆ ส่งเข้ามาหาอยู่บ้าง แต่บางข้อความ ต้องยอมรับว่า เหนือความคาดหมาย เช่นว่า "ตกลงไม่รักปายแล้วหรือพี่" ....คลิกอ่านต่อ ...

slow life in pai 14

last update: Feb,12-2010 อันหัวใจคนเรา นั้นเท่ากลีบมะเฟือง :) .. เช้าวันนี้ ตื่นขึ้นด้วยอาการกระแอมกระไอระคายคอเล็กน้อย เหตุคงมาจากเมื่อค่ำวานนั่นปะไร มิใช่อื่น ... เรื่องของเรื่องคือ นั่งทำผมอยู่ดีๆ ไฟฟ้าดันดับพรึ่บซะงั้น อยากจะขำว่ะ อยากจะหัวเราะดังๆจริงว้อยยยยยยยยย (กรรมเวร... ขำชาวบ้านเขาเอาไว้เยอะ)แต่มันไม่ค่อยขำ ไม่ฮาเอาเลยแฮะ เพราะเมื่อวานคิดว่าจะกลับบ้านเร็ว ...เลยไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวติดมือไปด้วย...........คลิกอ่านต่อ ... 8

slow life in pai 12

last update : Jan 24-2010 The World We live in. .การอยู่อาศัยบนดาวเคราะห์ดวงนี้ คุณต้องเข้าใจด้วยว่า ... 1.โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณคนเดียว อย่าเวอร์ 2."ความเห็นก็เหมือนตูด ใครๆ ก็มี" บางทีทัศนคติของคุณก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก เก็บๆ ไว้หน่อยก็ได้ ฝีมือ ความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ สำคัญกับโลกนี้มากกว่าลมปาก 3.บางคนได้คืบจะเอาศอก ถ้าโลกนี้ไม่เคยขาดแคลนเผด็จการเลย ก็ไม่ต้องแปลกใจ 4.ไม่มีอะไรสำคัญกับชีวิตเกินกว่าจะปล่อยมันไป คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 11

last update: Jan 15-2010เที่ยวเมืองน้อย อีกซอกมุมเล็กๆ น้อยๆ ของปาย ..เช้านี้พวกเราสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ เพราะเรามีกำหนดออกเดินทางไปเที่ยวเมืองน้อยกัน โดยนัดเจอกันที่หน้าร้านตอนแปดโมงเช้า ฉันตั้งเวลาปลุกไว้ 7 โมงเช้า แต่กว่าจะลุกออกจากที่นอนไปอาบน้ำอาบท่าได้ ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงครึ่ง กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็แปดโมงพอดี แต่กระนั้น ฉันใช้เวลาขี่จักรยานออกจากบ้านไปยังจุดนัดหมายของเราโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นเอง ปายก็น่ารักน่าอยู่อย่างนี้แหละ เมืองมันเล็กนิดเดียว ไปไหนมาไหน ก็ใช้เวลาแค่นิดเดียวเท่านั้น .......คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 10

last update : Jan,12-2010 ปาย : ไม่ได้แปลว่าบังเอิญ วันนี้เรามีลูกค้าคนสำคัญคือน้องออม เป็นนักร้องบอสซ่าสาวเสียงสวยอีกคนของเมืองปาย เธอร้องประจำร้านในปายหลายที่ แถมยังเป็นลูกค้าขาประจำร้านหนังสือฟรีฟอร์มของเราด้วย เธอแวะมาซื้อหนังสืออ่านบ่อยๆ จนสนิทสนมคุ้นเคยกับคนที่ร้านเราเป็นอย่างดี คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 9

last update :jan, 11-2010
ปีใหม่วันที่ 11 :) ... แผนลับอัพบล็อกแตกโพละไปหลายวัน หายจ้อยไปดื้อๆ เสียอย่างนั้น เจ้าของบล็อกก็มิได้นิ่งนอนใจ รู้สึกผิดอยู่ทุกวั้น ทุกวัน เพราะประจานตัวเองเอาไว้บนหน้าบล็อกอย่างโจ่งแจ้งเสียอย่างนั้น ก่อนปีใหม่หลังปีใหม่ปีนี้ ชีวิตวุ่นวายหลายเรื่อง ที่กินเวลาแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของชีวิตคือเรื่องร้านหนังสือ ส่วนอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องการขายของ จัดของ สั่งของ เท่านี้ก็หมดไปแล้วสิบเอ็ดวัน คลิกอ่านต่อ.....

slow life in pai 8

last update: Dec , 28-2009 ........................... 15 เรื่องที่คนขายเสื้อยืดรู้ดี [แต่คนทำหนังสือนี่สิคงไม่ค่อยรู้!:] 1.ผู้คนส่วนใหญ่มักจะซื้อเสื้อยืดที่มีขนาดเล็กกว่าที่ตัวเองจะสวมใส่ได้ประมาณ หนึ่งไซส์อยู่เรื่อยๆ ..2.ผู้หญิงอาการหนักกว่าผู้ชาย บางทีควรจะใส่ไซส์ L แต่กลับซื้อไซส์ S เข้ารูปเสียนี่ คนขายลำบากใจนะจะบอกให้ ...........คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 7

last update: Dec , 27-2009
ปายอีกหนึ่งวัน อีกหนึ่งคืนแห่งสีสัน
[โหด ฮา มันส์ แอนด์ยุ่งเหยิง]
...
ในปา

slow life in pai 6

last update: Dec , 26-2009 ...........................
เมื่อฮันนีมูนกำลังจะสิ้นสุด
ในปายมีใบไม้รูปหัวใจเยอะแยะไปหมด ที่อื่นคงมี แต่เราอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น เมื่อครู่ฉันนั่งจัดไฟล์ภาพในคอมพิวเตอร์เพื่อจัดเก็บลงฮาร์ดดิสค์ ไปเจอภาพใบไม้เหล่านี้เข้า ตอนที่เก็บข้าวของมาอยู่ปาย เป็นช่วงหน้าฝน ใบไม้ใบหญ้าเขียนชอุ่มละออตาไปหมด ฉันนึกถึงความรู้สึกของตัวเองตอนมาอยู่แรกๆ มองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด คงเหมือน "ช่วงฮันนีมูนกับปาย" อย่างที่พี่คนหนึ่งเคยแซวไว้ คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 5

last update: Dec , 25-2009 ........................... คริสต์มาสและความคิดถึง :) กำลังเก็บข้าวของ ย้ายห้องอีกครั้ง ปีใหม่วันหยุดยาวนี้ ญาติมิตรมีโครงการแวะมาเยี่ยมเยือนที่ปายหลายคน ที่พักสำหรับผู้มาเยือน จึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนสำหรับฉันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้ ...คลิกอ่านต่อ
...

slow life in pai 4

last update : Dec,24 -2009
ปอ-อะ-ยอ-ปาย
Pai = ปาย หนังสือนำเที่ยว Lonely Planet อธิบายไว้ว่า Pai: pronounced like the English word ‘bye’ not ‘pie’ หมายถึงนครเมกกะของนักเดินทาง (Traveler’s Mecca) ครั้งหนึ่งในชีวิตชาวมุสลิมแท้จริง ต้องจาริก “เมกกะ” ให้ได้สักครั้งฉันท์ใด นักเดินทางที่แท้จริงย่อมจาริก “ปาย” ให้ได้สักครั้งฉันท์นั้น
.... .............................................................
Tourist = นักท่องเที่ยว คนที่ท่องเที่ยวชั่วครั้งชั่วคราวแล้วกลับบ้าน ไปทำงาน ใช้ชีวิตตามปกติ
... ............................................ ............................................. Traveler = นักเดินทาง คนที่ไม่ทำงานทำการ เอาแต่เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ นานเป็นเดือน เป็นปี บางทีออกเดินทางท่องเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับบ้านอีกเลยก็มี บางคนแต่งงาน ปลูกบ้าน หางานทำในแหล่งท่องเที่ยวที่ตนชอบ เช่นในปาย-มีเยอะ ............คลิกอ่านต่อ

slow life in pai 3

last update: Dec,23-2009 .. บางแง่มุมที่สวยงาม อย่างน้อยก็ในความรู้สึก............. [เรื่องตุบๆใต้อกเบื้องซ้าย]
พักนี้นอนดึกตื่นสาย บางทีสิบเอ็ดโมง เที่ยง ยังนอนห่มผ้านวมสองผืนเฉยเลย ตื่นมากว่าจะจัดการกาแฟกับมื้อเช้าเล็กๆ น้อยๆ ด้วยขนมนมเนยชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เตรียมไว้ ก็ปาเข้าไปบ่ายแล้วก็มี นี่แหละชีวิตในปาย เหมือนเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนก็ได้ แต่ฉันรู้สึกผิดทุกครั้งที่ตื่นสาย ...คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 2

last update: Dec , 22-2009 ........................... ด้านมืดของปาย ...หรือ'ปราย :)... [โปรดระวังปอดบวม]
....
วันนี้นั่งคุยยาวนานกับใครบางคนถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ บังเอิญว่าเมืองนี้มันดีเลย์เสมอ หรือก้าวถอยหลังอยู่เรื่อยอย่างไรไม่ทราบ ใครคนนี้ก็ดั๊นเพิ่งได้อ่านมติชนสุดสัปดาห์เล่มเก่าๆสองสามเดือนก่อน ฉบับที่ฉันเขียนถึงปายเอาไว้บ้างสักตอนสองตอน อ่านแล้วคงไม่ค่อยรู้เรื่อง จับอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ จึงยิงคำถามยากๆ ทำให้ฉันอึ้งอยู่เรื่อย ... คลิกอ่านต่อ
....

slow life in pai 1

last update :Dec ,21-2009
วันก้าวถอยหลัง
จุดเริ่มต้นแห่งความเฉื่อย?
วันอาทิตย์ 20 ธันวาคม 2552 วันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนมานี้ ที่ฉันไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย ไม่ไปร้าน ไม่ไปไหนเลย โอ้ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลายวัน เพราะฉันมักมีเหตุต้องออกจากบ้านตลอดเวลา ....คลิกอ่านต่อ

หนังหน้าเสื่อ เทค 1

last up date : Dec, 20-2009 เบื้องหน้า เบื้องกลาง เบื้องหลัง เทศกาลหนังหน้าเสื่อ-ปาย เทค 1 ....
ในที่สุดการทดลองจัดฉายหนังกลางแปลงครั้งแรกในปาย (ของพวกเรา) ก็ลุล่วงไปด้วยดี หลังจากก่อนหน้านี้ พวกเราต่างวิ่งวุ่นช่วยกันลุ้นมาหลายวัน ทั้งทำโปสเตอร์ ซีร็อกซ์ใบปลิว ไปเดินแจกในย่านชุมชน วางในร้านอาหาร ......... ...คลิกอ่านต่อ
...

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม

เหตุเกิดในร้านหนังสือฟรีฟอร์ม-ปาย "ซื้อเสื้อ แถมหนังสือได้มั้ย" ... หลายปีของชีวิตที่วนเวียนคลุกคลีอยู่ในแวดวงหนังสือหนังหา จนกลิ่นกระดาษ กลิ่นหมึกแทบจะกลายเป็นหนังกำพร้าชั้นใหม่ไปแล้ว แต่ไม่เคยเลย ที่ฉันจะต้องใช้พลังกายพลังใจอย่างมากมายมหาศาลเหมือนการทำร้านหนังสือฟรีฟอร์มในปายคราวนี้ .......คลิกอ่านต่อ ...คนอ่าน

ETin+story

คิดแบบอีตี๋นนน นนนน....นนนน ......
อีติ๋น หรืออีตี๋นขาว คือแมวดำตีนขาวตัวหนึ่งใน อ.ปาย ที่ชาวบ้านเรียกกัน อีตี๋นขาว มีชื่อจริงว่า “แองเจลล่า” เป็นชื่อที่เจ้าของมันตั้งให้ เจ้าของอีตี๋นเป็นฝรั่งตัวใหญ่ กล้ามโต มีรอยสักน่าเกรงขามเต็มแขน ฟังมาว่าเคยเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนปายหลายครั้ง ก่อนตัดสินใจพำนักแบบ long term โดยเช่าบ้านอยู่ในปายล่ำสันนานเป็นปีๆ โดยไม่มีกำหนดกลับ เจ้าของอีติ๋นมักจะร้องเรียกหามันตอนค่ำให้มากินข้าวปลาว่า “แอ่งเจ๊ลลลหล่า แอ่งเจ๊ลลลลลลลล้า ม่ำ ม่ำ ม่ำ” ............. คนอ่าน

So Proud to Present

So Proud to Present มืออาชีพ ไม่รู้จักคำว่าออกตัว :) Last update : July 18-2009 ....วันก่อน บรรณาธิการคนหนึ่งของฟรีฟอร์ม ต้องติดต่อกับนักเขียนใหญ่ชื่อดัง เธอออกตัวไว้ในจดหมายบางเรื่อง กับการเป็นบรรณาธิการมือใหม่ของเธอ พอดีเธอส่งจดหมายมาให้อ่านก่อน ฉันก็เลยตัดทิ้งไปหลายคำ ส่วนที่ตัดไปเธอไม่ว่าอะไร--แต่เธอติดใจว่าทำไมเธอจึงออกตัวบ้างไม่ได้"การออกตัวคือการถ่อมตัว ทำไมวงการนี้ต้องโชว์พราวด์ใส่กันเหรอ" เธอว่ามาอย่างนั้นฉันก็เลยต้องอธิบายให้เธอฟังยืดยาว พราวด์หรือเพราด์ของเธอมาจากภาษาอังกฤษคำนี้ Proud \ Proud\,Feeling or manifesting pride, in a good or bad sense; as:(a) Possessing or showing too great self-esteem;overrating one's excellences; hence, arrogant;haughty; lordly; presumptuous.[1913 Webster] …..คลิกอ่านต่อ

PAI--LOW SEASON, HIGH SPIRIT 1

'ปาย'ฝันที่ไม่ได้ฝัน

...กลางฤดูฝ

เมื่อคุณใช้ชีวิตบนโลกนี้มาสักช่วงหนึ่ง ผ่านพบความเป็นไปของโลกมาแล้วพอสมควร คุณจะรู้เลยว่า ชีวิตคนเรานั้นไม่ต้องการอะไรมากมาย นอกจากแค่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน แค่อยากให้ทุกอย่างอยู่ในที่ทางของมัน โดยไม่ต้องรีดเค้นจากตัวเองหรือใครให้มากมาย คลิกอ่านต่อ

............ คนอ่าน

ของมันแตกได้ , รงค์ วงษ์สวรรค์

บทรำพึง...
คิดถึงคนบางคน
ที่กำลังจิบไวน์บนฟ้า.. ภาพจาก tuneingarden.com
Last update: July,04-2009 ......................
ใครเขียนหนังสือมาบ้างจะรู้ เวลาไม่ได้เขียนอะไรนานๆ มันจะฝืด อาปุ๊-'รงค์ วงษ์สวรรค์ เคยพูดกับฉันว่า "ตอนอาหนุ่มๆ นะ อาเขียนชิบหาย คิดอะไรหน่อย เห็นอะไรหน่อย อยากเขียน แล้วก็เขียนออกมาได้มหาศาล บางทีกลับไปอ่าน ยังรู้สึกว่ามันต้องแก้ตรงนั้นแก้ตรงนี้ คือสมัยหนุ่มจะแรงดี แต่งานเขียนอาจจะไม่ค่อยดีเหมือนตอนแก่"...ฉันก็ว่า "อุ๊ย อา ยิ่งดีสิคะ ยิ่งแก่ยิ่งเขียนกระจายไปเลยสิ ดีจะตาย"แต่อาปุ๊ตอนนั้นนั่งรถเข็นมาร่วมงานหนังสือมติชนที่เชียงใหม่ตอบฉันว่า"ตอนแก่นี่ ความคิดดีๆ มันเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยมีแรงเขียนว่ะ"...คลิกอ่านต่อ.............. ......... *... ...คนอ่าน .........47 ความคิดเห็น
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................
...........................
ของมันแตกได้ ...ย่อมแตก
เคยมีสักวันหรือเปล่า ที่คุณถามตัวเองว่า "ตรูทำบ้าอะไรลงไปฟระเนี่ย" ฉันลองมานั่งนึกดู วันนี้เป็นความบ้าแห่งชีวิตฉันโดยแท้จริง ---แล้วมันก็ทำให้ฉันนอนไม่หลับอีกต่างหาก บอกตัวเองแล้ว--ต้องท่องคำว่า "ช่างแม่ง!" --- ให้ขึ้นใจ แล้วเอ็งจะมีชีวิตบนโลกนี้อย่างมีความสุข เอาเข้าจริง มันก็ "ช่างแม่ง" ไม่ได้ทุกทีหรอก..........คนอ่าน

โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ - หวงเยวี่ยน

น้ำตาแชมป์โลก... โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์
Last update : June,10-2009
เมื่อคืนก่อน (June,7-2009) มีการถ่ายทอดสดแข่งขันเทนนิสรอบชิงชนะเลิศ French Open 2009 ประชันฝีมือชั้นเทพระหว่างโรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ กับ โรบิน โซเดอร์ลิง นักเทนนิสดาวรุ่งมือวางอันดับ 23 จากสวีเดน รอบนี้ ถึงแม้จะพ่ายแพ้เฟดเดอเรอร์ แต่โซเดอร์ลิงก็เลื่อนพรวดข้ามชั้นมาเป็นมือวางอันดับ 12 ของโลกแล้วตอนนี้ ใครนั่งดูอยู่เหมือนกันล่ะก็..เราอาจจะรู้สึกเหมือนกันนะ ว่ามันเป็นการดูการแข่งขันเทนนิสที่สนุก ระทึกใจเป็นที่สุด จนแทบไม่อยากจะลุกหนีจากหน้าจอไปไหน แม้กระทั่งจะลุกไปเข้าห้องน้ำ....... คนอ่าน
.................................................
..............................................................
................................................................ ............
อีกวันหนึ่งกับหวงเยวี่ยน และอื่นๆ อีกมากมาย “ระเบิดแห่งความสุข” ถูกจุดขึ้นตอนบ่ายสองกว่าๆ ของวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม ในซอยทองหล่อ 10 ณ ร้านหนังสือบุ๊คมาร์คของ The Third Place เราจึงเชื่อว่ามิตรภาพจากคนแปลกหน้าสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้จริง ซึ่งเป็นงานเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุด”ผู้ชายเหมือนระเบิด” จากฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ..... คนอ่าน

ฉันฝันว่าฉันฝัน

I I Dreamed a Dream ซูซาน บอยล์ ฉันฝันถึงความฝันในวารวันที่ผ่านเลย ยามที่เคยวาดหวังไว้ยิ่งใหญ่ ยามที่ชีวิตยังมีความหมาย ผนึกต่อลมหายใจในกายา ฉันเคยฝันว่าความรักนั้นไม่เคยตาย ฉันเคยฝันว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ยังเมตตา เมื่อครั้งที่ฉันเยาว์และหาญกล้า..ฉันปั้นฝันนั้นมาแล้วทิ้งไป ...

วันชาติชาวหนอน

แล้วเราก็เจอกัน ในวันชาติของชาวหนอน ปีนี้ฟรีฟอร์มเพิ่งมีบูธเป็นของตัวเอง หลังจากที่ไปฝากบูธอื่นขายมาหลายรอบ บูธเราเป็นบูธเล็กๆ ขนาดสองคูณสามเมตร ที่ทางผู้จัดงานใช้พลาสติกใสๆ มากั้นเป็นล็อกๆ ให้เราใช้วางหนังสือจำหน่ายในงาน บูธเล็กขนาดนี้ต้องใช้เวลาจัดอยู่ตั้งหลายชั่วโมง............คนอ่าน

สิ่งที่เรียนรุ้

............ บ
สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียนรู้จากวันนี้ พวกเราทีมงานฟรีฟอร์ม อยู่โยงเฝ้าออฟฟิศกันดึกดื่นเพื่อเก็บงานหนังสือชุดสุดท้ายส่งโรงพิมพ์ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง
...
ช่วงนี้ ฉันออนเอ็มเอสเอ็นเกือบทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่ค่อยได้คุยกับใคร นอกจากส่งลิงค์ ส่งไฟล์งาน ให้คนทำกราฟิคที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน (ซะงั้น) บางคนเข้ามาคุยด้วย แต่ไม่ได้คุยตอบ ก็งอนกันไปหลายราย...คนอ่าน

...................
.................

รักเธอ กอดคนอื่น

สิบปีล่วงแล้ว....รักเธอ....กอดคนอื่น ถ้อยคำที่ผู้คนมักเข้าใจผิด!.ถ้าคุณค้นหาคำว่า"รักเธอ.กอดคนอื่น"ในกูเกิ้ล.มันจะมีมากกว่า.172,000.ลิงค์-ปุจฉาวิสัชนา.ว่าด้วยไม่รักก็กอดไม่ลง?ได้กอดทุกคนที่รัก?รักทุกคนที่กอด?--เอ๊.ยังไง?.. คนอ่าน

Bird in the tree

นกบนกิ่งโมก ยามบ่ายในฤดูฝนอบอ้าวนัก ฉันตัดสินใจอาบน้ำอีกรอบแล้วนอนหลับเสียให้เข็ด การนอนนอกจากจะเป็นการพักผ่อนดีที่สุดแล้ว.มันยังเป็นการ‘หนี’ทุกอย่างได้ดีที่สุด... ...คนอ่าน

pooh

แค่อยากรู้ เธอยังไม่ลืมฉัน.ภาพมิตรภาพแสนซื่อ.ขณะพิกเล็ทเดินตามหมีพูห์ต้อยๆ.รอยเท้าคู่เล็กๆ.ย่ำไปบนหิมะ.เคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทาง.เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

The Road Not Taken

ว่าด้วยวิธีเดินทางในเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนเดิน.:).ยามใดที่ชีวิตต้องมีเรื่องให้คิดถึงบทกวีบทนี้.สิ่งที่รบกวนจิตใจฉันเสมอก็คือ“ชื่อ”ของบทกวีบทนี้...ฉันมักสงสัยว่าทำไมโรเบิร์ต.ฟรอสต์.จึงให้ค่ากับ“ทางที่ไม่ได้เลือก”ถึงเพียงนี้…ชื่อของมันน่าจะเป็น...

drink

คุณดื่มวงการไหน?.เราคบกัน คุยกัน กินดื่มด้วยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้างบางที ตามความรู้ความสามารถ ตามกำลังที่มี เท่าที่รู้เท่าที่เห็น หลายสิบชีวิตในวงการนักเขียนที่ฉันคลุกคลี ล้วนแล้วแต่มี..

HNY 2007

สิ่งที่ชีวิตน้อยๆ.ของข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในรอบปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมการอ่านของมนุษย์ออนไลน์นั้นไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่เลยค่ะ อาจเป็นเพราะชินกับการอ่านของฟรีมากไป จนไม่รู้สึกว่าต้อง"จ่าย"อะไร.แม้แต่คำทักทายกันสักคำ

Sriburapa

บ่ายวันหนึ่งในบ้านศรีบูรพา..เรื่องบางเรื่องในโลกเรา บางทีก็แปลกดี ฉันเพิ่งตอบคำถาม นิตยสารไฮคลาส ไปเมื่อไม่นานนี่เอง เกี่ยวกับนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้...คนสัมภาษณ์ถามฉันว่า ...

paradise lost

PARADISE LOST:จิมมี่ เลี่ยว.พาราไดส์.ลอสต์-เป็นเรื่องราวมิตรภาพความผูกพันของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตจำนวนหนึ่ง (จะเรียกว่าคนก็กะไร เพราะบางอย่างก็เหมือนจะไม่ใช่)มารวมตัวกันอยู่ในดินแดนหนึ่ง ที่ซึ่งพวกเขาทุกคนล้วนเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่ละชีวิตมีปมด้อย มีบาดแผล มีความพิการ มีความบกพร่อง จนทำให้โลกภายนอกปฏิเสธพวกเขา แต่ในดินแดนพาราไดส์ลอสต์แห่งนี้ ทุกชีวิตมีอิสระเสรี เพราะมีผู้ที่เข้าใจ [คลิกอ่านต่อ]

เขียน เขียน และเขียนต่อไปเถิด

เขียน...เขียน...และเขียนต่อไปเถิด.เมื่อวานรื้อกรุสมบัติที่บ้าน.เจอเศษกระดาษเหลืองกรอบแผ่นหนึ่ง.เป็นชิ้นส่วนที่ฉีกออกมาจากนิตยสาร.Writer’s.Digest.ปี 1991 ว้าว!ฉันเก็บเจ้าเศษกระดาษชิ้นนี้มาสิบแปดปีแล้วหรือนี่... คนอ่าน

Kylie X Tour2008

ช้านร้ากเธอ...ไคลี่ มิน็อกซ์ la ..la..lala บันทึกหลังควันจางๆ จากข้างเวทีไคลี่เอ็กซ์ Kylie X 2008 World tour live in Bangkok 23 Nov.2008 อิมแพค เมืองทอง.. ...คนอ่าน

Poomsaron

ภูมิซรอล อ่านว่า พูม-สะ-รอน -เพลงใหม่คาราวาน จากอัลบั้ม โลกร้อนคนละลาย 2 คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา คนข้างเคียงชวนไปชม "คอนเสิร์ต คาราวาน โลกร้อนคนละลาย ครั้งที่ 2"...คนอ่าน

ban jim party

อำนาจนักอ่าน,อภินิหาริย์เจ๊ดัน:). เมื่อทีมงานนิตยสารฟรีฟอร์ม.ร่วมมือร่วมใจกันปิดร้านสรรพรสเพื่อเลี้ยงขอบคุณ"พี่เจี๊ยบ"กฤติยา.กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการหอศิลป์.Jim Thompson Art Center พร้อมทีมงาน

dream

คนล้าฝัน...คนล่าฝัน.ส่งหนังสือเข้าโรงพิมพ์แล้ว.จึงถือเก็บกวาดหน้าจอ.เจอภาพแปลกๆ.ภาพนี้เป็นบรรยากาศช่วงปิดเล่ม.จะเห็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของกองบก.นิตยสารฟรีฟอร์มนั่นคือการได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันตอนตีสี่

friday club

รัฐธรรมนูญห้าศูนย์&กีตาร์ห้าสาย& มหาวิทยาลัยวันศุกร์.ที่นั่งประจำของชมรมเราฯ.คับคั่งด้วยแขกเหรื่อแมนล้วนเต็มโต๊ะ.เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากรั้วจามจุรีและท่าพระจันทร์.ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ไชยันต์.ไชยพร,อาจารย์วีระ.สมบูรณ์,อาจารย์แซม ฯลฯ

perfectionist

วันเซ็งๆ.และเพอร์เฟ็คท์ชั่นนิสต์ผมม้า? เซ็งเป็ดมากค่ะ เลยนั่งดูโฆษณาพาเพลิน โฆษณาเดี๋ยวนี้เขาทำดีมากนะ ได้ยินมาว่าบางคนหาเงินจากการทำโฆษณาเพื่อเอาไปทำหนังไทย.เจ๊งค่ะเจ๊ง.

Gen X-Gen Y

โทษที!.วันนี้ คุณวาดการ์ตูนแล้วหรือยัง?.สองวัน ใช้กระดาษขาวหมดไปแล้วยี่สิบสองแผ่น ไม่อยากเลยเชื่อว่าจะต้องมานั่งหัดวาดการ์ตูนกับเขาล่วย.. ...คนอ่าน

.................
................
...........................
............................
.............................................................................
.........................................................
........................................
...................................................
..........
................ .
บันทึกใบไม้...หากมีเวลาคอยเฝ้าดูนานพอ เราจะเห็นใบไม้ร่วงจากคาคบอย่างเงียบกริบ หล่นร่วงลงทอดตัวนิ่งสนิทแนบชิดผืนหญ้า สิ่งที่เป็นของเราก็คือไม้ยืนต้นไร้ใบกับใบไม้ร่วงอยู่บนผืนหญ้า... ...คนอ่าน