ชีวิตก็เหมือนคาเฟ่ริมทาง?
บางครั้งเนืองแน่น บางครั้งอ้างว้าง
บางครั้งก็เปื่อย :)
...........
....
วันนี้คงเป็นการเขียนเรื่อยเปื่อย ไม่มีประเด็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรอกค่ะ จะอ่านข้ามๆ ไปบ้างก็ได้ อันที่จริงเปื่อยๆ ป่วยๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน วันๆ เอาแต่นอนนิ่งๆ ไม่ต้องทำอะไร (เพราะทำอะไรไม่ได้) ใครทำอะไรพิลึกๆ บ้างก็ไม่ต้องโกรธ (เพราะไม่มีแรง) หนักหนาแค่ไหนก็เฉยได้ นิ่งได้ (เออ แล้วแต่มรึง ตรูทำเท่าที่ตรูทำได้ละกัน)
........
ตอนแรกที่ล้มหมอนนอนโซฟา (จริงๆ นอนโซฟาทั้งวัน :) ฉันใจไม่ค่อยดีเลย เพราะงานหลายอย่างยังค้างคาเต็มไปหมด หลับยังฝันว่าเขียนคำนำ แต่พอมันฝืนทำอะไรไม่ได้จริงๆ ฉันกลับรู้สึกโล่ง ตัวเบา
.....
จะว่าไปแล้ว ถึงตอนนี้ฉันชอบแฮะ ที่ป่วย (แค่เล็กๆ น้อยๆ นะ ถ้าป่วยหนักคงไม่เอา) ความป่วยทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ง่ายดี อาจจะเป็นเพราะไม่ต้องใช้สมอง ไม่ต้องใช้หัวใจ ไม่ต้องใช้ความผูกพันหรือความสัมพันธ์ใดๆ มาประกอบการตัดสินใจ แต่มันเป็นการใช้ "ร่างกาย" ตัดสินล้วนๆ เออ ก็ตรูลุกไม่ไหวนี่หว่า เลยขอจบทุกอย่างไว้แค่นี้แล้วกันนะ ดูสิ ง่ายไหม :)
.....
สิ่งที่ฉันเรียนรู้ได้เงียบๆ ในความป่วยไข้ของตัวเองก็คือ ในช่วงเวลาสูญญากาศของชีวิตเช่นนี้ฉัน "ปล่อยทิ้ง" ทุกอย่างได้ง่ายมาก แม้ว่าสิ่งนั้นกว่าจะได้มามันยากเย็นแสนเข็ญเพียงไหนก็ตาม
....
อีกอย่างที่รู้สึกมากๆ ตอนป่วยก็คืออยากเขียน ฉันไม่ได้อัพเดทบล็อกมานานมาก สิ่งแรกที่อยากเขียนก็คงเขียนบล็อกนี่แหละ แต่ทำไมมาอยากมากๆ ตอนป่วยก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะร่างกายเราถูกจำกัด ขยับเขยื้อนเคลื่อนกายไปทางใดก็ไม่ค่อยคล่องแคล่วเหมือนตอนปกติ ชีวิตก็เลยปรับสมดุลให้เราครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ได้ละเอียดขึ้น อร่อยขึ้น
...........
ความคิดบางอย่างนั้นเอร็ดอร่อยหอมหวานจริงๆนะ ฉันไม่รู้ว่าเคยมีใครรู้สึกสนุกสนานเมามันในการนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปคนเดียวเรื่อยๆ เหมือนฉันบ้างไหม ฉันเคยอ่านเรื่องนักโทษประหารคนหนึ่ง เขาใช้เวลาสามวันสุดท้ายก่อนถูกประหารชีวิตเพื่อครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตตนทั้งหมด เขาบอกว่าทำมันเพื่อ "ลิ้มรสสิ่งที่อยู่ในใจ" ฉันคิดว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่นักโทษประหารผู้นั้นเคยทำเช่นกัน
....
"ชีวิตท่วมท้นแต่หน้ากระดาษว่างเปล่า" นั่นเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกกับตัวเองในช่วงสองสามเดือนมานี้ ตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา มีเรื่องราวแปลกๆ หลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตมากมาย ฉันรู้สึกว่ามันแปลกเยอะ อยากจะคิดให้มันจบแล้วเขียนไว้ ระหว่างป่วย ฉันคิดบางเรื่องเป็นถ้อยเป็นคำชัดเจน จนฉันแทบอดใจไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
....
แต่ก็นั่นแหละ แค่เปิดเครื่องยังไม่ทันเปิดโปรแกรมก็แทบจะนั่งไม่ไหวอยู่แล้ว ในที่สุดก็ต้องปิดโน้ตบุ๊คแล้วนอนต่อ แล้วหวังว่าตัวเองจะไม่ลืมเขียน
......
อาจินต์ ปัญจพรรค์ เคยกล่าวว่า ทุกคนในโลกนี้ก็คิดนั่นคิดนี่ได้ทั้งนั้นแหละ แต่คนที่เขียนสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาใส่กระดาษให้คนอื่นอ่านกันได้นั้น มีไม่เยอะ เวลาเจอใครที่ชอบพูดว่า "แบบนี้ฉันก็เขียนได้" ลุงอาจินต์ว่านั่นคิดไปเอง จริงๆ แล้วคิดได้ แต่ลงมือเขียนจริงๆ อาจจะเขียนไม่ได้
....
ฉันแน่ใจว่าตัวเองเขียนได้นะ แต่ตอนที่ป่วยอยู่นั้น ฉันกลัวลืมเอามากๆ กลัวหายป่วยแล้วจะลืมสนิท
.ใ..
"จริงๆ ลืมก็ไม่เป็นไรหรอก" เพื่อนฉันคนหนึ่งเคยบอกไว้ "ความคิดอะไรที่เราลืมไปได้ นั่นแสดงว่ามันยังเป็นความคิดที่ยังไม่ดี ยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร "
....