last update : Jan, 6-2012
บทนำ
การเข้าครัวบ่อยๆ ในรอบปีที่ผ่านมา เป็นการค้นพบตัวเองอีกอย่างหนึ่งว่า การทำอาหารเป็นเรื่องที่ฝึกฝนได้ เรียนรู้ได้ เก่งไม่เก่งก็อีกเรื่อง
จึงได้ข้อสรุปเล็กๆ กับตัวเองว่า อยู่เมืองนี้คงไม่อด หรือ เบื่อ(ของกิน) จนตายแน่นอนแล้ว
แถมกำลังริอ่านคิดการใหญ่จะเปิดรงเปิดร้านกับเขาอีกต่างหาก ฮุฮุ
เรื่องเปิดร้านไม่ได้หวังรวย แค่อยากได้ทุนคืนบ้าง แค่อยากใช้อุปกรณ์ทั้งหลายให้คุ้มค่าบ้าง หลังจากทุ่มทุนสร้างไปหลายสตางค์-เกินความตั้งใจไปหลายสต็อป
..
เพราะหัวใจเต้นแรง เลือดสูบฉีดพลุ่งพล่านทุกครั้งเวลาเจออะไรที่ไม่มีขายในเมืองปาย เป็นต้องหอบซื้อเหมือนคนบ้า แม้แต่เครื่องช้อนฟอง เครื่องขูดผิวส้ม ที่ซื้อมาแล้วไม่เคยใช้เลยสักครั้ง ตอนนี้ก็มีแล้วครบครัน เห็นทีไรก็รู้สึกผิดทุกที ที่ใช้งานไม่คุ้มเท่าไหร่ เปิดร้านเป็นเรื่องเป็นราว จะได้ขยันๆ ใช้ขึ้นมาหน่อย
...............
ไม่อยากคิดมาก แกล้งลืมไปบ่อยๆ แล้วว่าใช้จ่ายอะไรไปเท่าไหร่บ้าง กระนั้น เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เผลอไปเปิดบัญชีค่าใช้จ่ายเข้าโดยบังเอิญ เห็นตัวเลขเข้าก็เล่นเอาใจหายแว้บ ใช้จ่ายทีละร้อยสองร้อย ห้าร้อย พัน ปีหนึ่งๆ มันก็โขอยู่เหมือนกัน.........................
ที่สำคัญ ยังมีเมนูใหม่ๆ ที่อยากลอง อยากทำอีกเพียบเลย
......
การทำอาหารเป็นงานหนัก งานใหญ่ แต่ละวันมันกินเวลาเราไปมาก บางครั้งแม้แต่จะหยุดพักมาเขียนเรื่องอาหารแท้ๆ ก็ยังไม่มีเวลาจะมานั่งเขียน
....
ในเมื่อต้องใช้เวลากับมันมากขนาดนี้
คงไม่มีอะไรดีว่าการทำให้มันเป็น "งาน" ไปเสีย :)
การงานที่ชวนลุ่มหลง
...
ความคิดเรื่องเปิดร้านที่เคยวาบมาแล้วหายไปเพราะความขี้เกียจ เริ่มปรากฏเค้าโครงขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ท่าทางมันเอาแน่ :)
แวดล้อมก็ดูเหมือนจะเป็นใจ เพื่อนพ้องน้องพี่นักชิมไม่มีใครค้านสักคน เรื่องสถานที่ เรื่องคน ก็ดูจะลงตัวไปหมดซะงั้น จนอดคิดไม่ได้ว่า ลองดูสักตั้ง คงไม่เสียหายอะไร ไม่ชอบ ไม่อยากทำก็หยุด
...
ข้อดีของเมืองปายคือ ..ถ้าคุณจะเริ่มต้นลงมือทำอะไรสักอย่าง มันพร้อมเสมอ แม้แต่การ “หยุด” ในทันทีทันใด มันก็พร้อมด้วยเช่นกัน
....
นอกจากการลงทุนเรื่องอุปกรณ์ที่หนักมือขึ้นเรื่อยๆแล้ว ความคิดฝันเรื่องร้าน ยังมาจากการทดลองควบคุมค่าใช้จ่ายในการทำอาหารแต่ละมื้อด้วย
...
ข้าพเจ้าได้ค้นพบว่า ราคาอาหารสดที่ซื้อขายกันในตลาดจะแน่นอนตายตัว ตัวอย่างเช่น คุณใช้สะระแหน่ประดับแก้วแค่ 1 ยอด ก็ต้องซื้อมาทั้งกำ ต้องจ่าย 5 บาท ที่เหลือหลังจากนั้น อาจจะไม่ได้ใช้อีกเลยก็ได้ สรุป สะระแหน่หนึ่งยอด หรือหนึ่งกำ ก็ 5 บาทเหมือนกัน :)
ต้นหอม ผักชี เนื้อหมู ไข่ ฯลฯ
หรือแม้แต่ "ชีวิต" ก็คงเป็นอย่างนี้
.....
จาก "มาตรฐาน" ของตลาดสด จะพบว่า การทำกินเองหนึ่งหม้อ พร้อมตักแจกคนอื่นกินด้วยสามบ้านเจ็ดบ้านนั้น มันไม่ได้ทำให้เราเหนื่อยขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไหร่ ถ้าคนกินกินเหมือนเรานะ
ที่น่าแปลกใจก็คือ เมื่อทำอาหารกินเองเกือบทุกมื้อ ข้าพเจ้าได้ค้นพบว่า ตัวเองมักจะตักเนื้อสัตว์ให้คนอื่นกินไปเกือบทั้งหมด กลายเป็นลดเนื้อสัตว์ไปโดยไม่ตั้งใจ คนอื่นก็ได้กินของดีๆ (โดยเฉพาะพี่บาง แม่บ้านมือขยัน นักชิมขาประจำตัวจริง จะชอบใจมาก) ในขณะที่ตัวเองก็ได้กินทุกอย่างที่อยากกิน
โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันยอดมากค่ะ!
ข้าพเจ้าคิดอยากทำร้านอาหารแบบหยิ่งๆ ไม่ตามใจลูกค้ามาก มีกฏเหล็กคือห้ามสั่งนอกเมนูประจำวัน วันไหนร้านมีอะไรมาให้กิน ก็ต้องกินไป ตามใจปากเจ้าของร้าน ตามใจแม่ครัวเท่านั้น จะมาเพิ่มโน่น ไม่ใส่นี่ ไม่เอานั่น ไม่อ๊าวว ไม่เอา ไปร้านอื่นนะจ๊ะ
.............
พอจะนึกภาพอนาคตของร้านออกแล้วใช่ไหม
ว่าน่าจะเป็นร้านที่ไม่ค่อยมีอนาคตเท่าไหร่หรอก
ฮ่าฮ่า
1.จงระวังมีดที่ไม่คม
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเปิดร้าน สิ่งหนึ่งที่ยังรู้สึกกังวลใจ ก็คือเรื่อง "มีด"
ตลอดปีที่ผ่านมา ทำอาหารเป็นร้อยๆ เมนูเข้าแล้ว แต่ข้าพเจ้ายังไม่มี "มีด" ที่ถูกใจอย่างแท้จริง
ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้มีแค่พอใช้ได้
ยังพยายามมองหามีดที่ดีกว่าอยู่เสมอ
การอยู่ในครัวกับมีดที่ไม่ดี ไม่คม นอกจากจะอันตรายมากแล้ว ยังน่าเบื่อ ยิ่งได้เลือดตกยางออกแล้ว จะยิ่งทำให้เกิดความเซ็ง เพราะมือที่เป็นแผลนั้น ทำกับข้าวไม่สนุกเลยจริงๆ
[มีต่อ]
*Your comment pls... แสดงความคิดเห็นคลิกตรงนี้ค่ะ
*สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ.2549-2555©'ปราย พันแสง2006-2012 Copyright©'prypansangAll Rights Reserved.
..คนอ่าน